“รองดีเอสไอ” ขึ้นเหนือ สอบปากคำผู้เสียหายจากการกู้ยืมเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เชนลิสซิ่ง พบ 3 จังหวัดมีคนเสียหายกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้าน 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 61 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล รอง ผบช.ภ.5 นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค (DSI) นายอนุสรณ์ วงศ์ใหญ่ อัยการจังหวัดเชียงราย นส.เปรมกมล ลอรัชวี อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดเชียงราย และนางนิภัทรา ตั้งศรีไพโรจน์ ผู้แทน อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดพะเยา ร่วมแถลงข่าวการลงพื้นที่สอบปากคำผู้เสียหายกรณีกู้ยืมเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เซนลิสซิ่ง จำกัด แต่ไม่ได้รับโฉนดคืนหลังจากชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งมีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและหลีกเลี่ยงภาษี ณ สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย 

นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดี DSI เผยว่า ทางดีเอสไอได้รับร้องทุกข์กรณีสหกรณ์ฯเครดิตยูเนี่ยน เชนลิสซิ่ง จำกัด ดำเนินกิจการที่อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน และหลีกเลี่ยงภาษีอากร โดยรับเป็นคดีพิเศษ และประสานกับสำนักอัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฏหมายและการบังคับคดีจังหวัดเชียงราย และ กองบัญชากาาตำรวจภูธรภาค 5 ทราบว่ามีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ยืมของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เชนลิสซิ่ง จำกัด เป็นจำนวนมาก ได้เข้าร้องเรียนกับทางสำนักอัยการทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา และแพร่ โดยผู้เสียหายกับพวกได้กู้ยืมเงินจากสหกรณ์ฯ และได้นำโฉนดที่ดินโอนให้เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อผู้เสียหายผ่อนชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยครบถ้วนแล้วจะโอนโฉนดที่ดินคืนให้แก่ผู้เสียหาย

...

ต่อมาผู้เสียหายได้ผ่อนเงินกู้ครบถ้วนแล้ว กลับพบว่าผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวเป็นบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เชนลิสซิ่ง จำกัด และผู้เสียหายบางรายได้ถูกโอนที่ดินขายไปให้กับบุคคลที่ 3 แล้ว เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย เนื่องจากเมื่อผ่อนชำระเงินครบตามสัญญา แต่ไม่สามารถโอนที่ดินกลับคืนมาได้ ในเบื้องต้นมีผู้เสียหายที่ จ.เชียงราย พะเยา และแพร่ มากกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท นอกจากนี้จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เชนลิสซิ่ง จำกัด ได้มีสาขาอีกหลายจังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง เลย และชลบุรี ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป ซึ่งวันนี้มีผู้เสียหายจากพื้นที่จังหวัดเชียงรายจำนวน 12 คน และจังหวัดพะเยา 16 คน ที่มาให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ทางดีเอสไอจะใช้เวลาสอบสวนในพื้นที่เชียงรายในช่วงวันที่ 25-26 ต.ค. หลังจากนี้ในวันที่ 27-30 ต.ค. ก็จะไปสอบสวนต่อในพื้นที่จังหวัดแพร่ ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ผู้เสียหายในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถนำหลักฐานบัตรประชาชนและเอกสารกู้ยืม สำเนาโฉนดที่นำไปค้ำประกัน ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารอื่นๆถ้ามี เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เลย

ด้านนายอนุสรณ์ วงศ์ใหญ่ อัยการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงรายได้มีชาวบ้านจากอำเภอเทิง และขุนตาล ประมาณ 17 ราย ได้มาร้องเรียนที่สำนักอัยการจังหวัดเทิงเมื่อปีที่ผ่านมา และได้สืบสวนจนทราบว่ามีผู้เสียหายในพื้นที่อื่นที่เดือดร้อนจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เชนลิสซิ่ง จำกัด อีกจำนวนมาก เฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบนประมาณ 400-500 รายแล้ว คาดว่ารวมทั้งประเทศน่าจะมีมากกว่า 1,000 ราย ทางอัยการคุ้มครองสิทธิ์จึงได้ประสานกับทางดีเอสไอซึ่งรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษมาแล้วจากการร้องเรียนในพื้นที่อื่น เพื่อที่จะได้รวมเอาผู้เดือดร้อนจากจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ ที่อาจจะตกหล่น ไม่ได้มาร้องเรียน ให้สามารถนำหลักฐานมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับสหกรณ์ดังกล่าวต่อไป.