ปู่เครียดจัด หลังเกิดดราม่าเงินบริจาคช่วย 'น้องอาร์ท' กว่า 8 ล้านบาท ยันไม่มีการจัดฉากบ้านจน ไม่ปฏิเสธมีที่ดิน แต่เพราะป่วยเลยทำไม่ไหว ขณะที่บ้านพักเด็กฯ รุดดูสภาพจิตใจน้องใกล้ชิด
จากกรณี เด็กชาย อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กตัญญู ซึ่งดูแลนายอานนท์ บุญไทย ผู้เป็นพ่อที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานต้องถูกตัดขาด 1 ข้าง นายเฉลย บุญไทย ปู่ อายุ 64 ปี ป่วยโรคเบาหวาน และนางรวย บุญไทย ย่า อายุ 63 ปี ที่แก่ชรา หูตึง โดยหลังเลิกเรียน น้องอาร์ท จะรีบกลับบ้านมาช่วยย่ารวย แกะเมล็ดข้าวโพด ที่เก็บจากไร่นาของเพื่อนบ้านที่ไม่เอาแล้ว เพื่อขายให้พ่อค้า กิโลกรัมละ 4.50 บาท ได้ครั้งละ 40-50 กิโลกรัม เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว และออกไปวางข่ายดักปลา ตกเบ็ดตามท้องไร่ท้องนา เพื่อนำมาทำกับข้าว ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไป มีคนไทยร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือน้องอาร์ทและครอบครัว รวมกว่า 8 ล้านบาท
ต่อมาได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าครอบครัวน้องอาร์ท ไม่ได้ยากจน และมีประชาชนในหมู่บ้านใกล้เคียงเดินทางไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบบัญชีเงินบริจาคนั้น
ความคืบหน้า วันที่ 12 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของ น้องอาร์ท พบนายเฉลย บุญไทย ผู้เป็นปู่ ซึ่งป่วยโรคเบาหวาน โดย นายเฉลย กล่าวว่า หลังจากที่สื่อได้เสนอข่าวเกี่ยวกับน้องอาร์ท จนมีผู้บริจาคเงินเข้ามาเป็นจำนวน 8,472,936.50 บาท ไม่ใช้ 15 ล้านบาทตามที่มีข่าวออกไป และได้ปิดบัญชีเงินบริจาคไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561
ส่วนเงินบริจาคที่ได้รับมาก็ได้ถอนออกมาใช้หนี้จากการเลี้ยงหมูเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา จำนวน 1 ล้านกว่าบาท ใช้หนี้กองทุนหมู่บ้าน ธนาคาร ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน เงินกู้คนพิการ แล้วยังนำเงินไปทำบุญ และกฐินอีกจำนวน 31,000 บาท
...
ที่เหลืออีก 6,900,000 บาท ได้จัดสรรออกเป็น 3 บัญชีของธนาคารกรุงไทย บัญชีแรก เปิดเป็นชื่อ นางรวย บุญไทย ซึ่งเป็นย่า และน้องอาร์ท จำนวน 2 ล้านบาท สำหรับเป็นทุนการศึกษา จะถอนได้เมื่อน้องอาร์ท อายุ 20 ปีบริบูรณ์ และบัญชีที่ 2 เป็นชื่อนางรวย บุญไทย ซึ่งเป็นย่า จำนวน 2 ล้านบาท และบัญชีที่ 3 ชื่อ นางรวย บุญไทย ย่า จำนวน 2,900,000 บาท โดยหวังได้ดอกเบี้ยมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว และพาพ่อของน้องอาร์ทที่พิการ ถูกตัดขาไปหาหมอตามนัด ซึ่งแต่ละครั้งก็มีค่ารถ 400 บาท ยังไม่รวมค่ากิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ และตอนนี้บัญชีเงินฝากดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ที่ตน ทางอำเภอเมือง ได้เก็บไปเพื่อตรวจสอบ
ปู่เฉลย กล่าวว่า ทุกอย่างไม่ได้มีการจัดฉากแต่อย่างใด ตนมีที่ดินจริง แต่ทำไม่ไหวแล้ว เพราะตนมีโรคประจำตัวมาก ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลูกชายก็พิการ เหลือแต่ย่า ก็ทำคนเดียวไม่ไหว ก็ให้ชาวบ้านเช่า เพื่อเอาข้าวมากิน หลังจากมีข่าวออกมาว่าครอบครัวตนจัดฉาก หรือนักข่าวจัดฉาก ก็เครียดมาก เพราะมีโรคความดันสูงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณผู้ใจบุญที่มาบริจาคมาช่วย น้องอาร์ท ซึ่งครอบครัวจะทำตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคในการดูแลส่งเสียน้องอาร์ทให้เรียนจนจบปริญญา ทั้งนี้ น้องอาร์ท เคยได้รับคัดเลือกให้ไปรับทุนการศึกษาจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่อำเภอเมืองด้วย โดยมีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นผู้มอบให้
ด้าน พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ทางอำเภอเมือง ได้มีหนังสือถึง สภ.เมือง ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไรและรายงานผลไปยังอำเภอ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบที่ภูมิลำเนาของน้องอาร์ท เพื่อหาพยานหลักฐานและตรวจสอบทางการเงิน โดยได้ทำหนังสือไปยังธนาคารที่เปิดบัญชี ซึ่งได้รับแจ้งเกี่ยวกับยอดเงินในบัญชีแล้ว โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้มีการสั่งอายัด เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
นายประยุทธ เต่าแก้ว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า มาดูสุขภาพจิตเด็ก ตามภารกิจในการคุ้มครองเด็ก ไม่อยากให้ปัญหาของผู้ใหญ่กระทบต่อเด็ก หวังว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หน่วยเกี่ยวข้องคงจะได้ตรวจกันต่อไป ซึ่งจากการติดตามพูดคุยกับน้องอาร์ท พบว่าสุขภาพจิตได้รับการกระทบกระเทือนบ้างเล็กน้อย ก็จะหมั่นมาเยี่ยมเยียนอย่างใกล้ชิดต่อไป.