โอละพ่อ สาวติดเอดส์ตายพร้อมเพื่อนรวม 4 ศพ หลังไปสักลายขาที่ร้านย่านคลองหลอดไม่ใช่เรื่องจริง ใบชันสูตรศพระบุสาเหตุการเสียชีวิตมาจาก 3 โรค เสียเลือดและน้ำจนช็อก อุจจาระร่วงเฉียบพลัน และติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นมากว่า 1 ปี ไม่ใช่แค่ 5 เดือนตามที่พ่อคนตายอ้างกับสื่อ ขณะที่แฟนหนุ่มบอกโล่งอกหลังไปตรวจแล้วไม่พบเชื้อ

กรณีนายอิน (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวบ้าน จ.เลย ออกมาอ้างว่า น.ส.อ้อย (นามสมมติ) อายุ 22 ปี บุตรสาว พร้อมเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน ไปสักลาย ตามร่างกายที่ร้านแห่งหนึ่งย่านคลองหลอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ และเกิดติดเชื้อเอชไอวี ต่อมาเพื่อนทั้ง 3 คน อยู่ จ.นครปฐม 2 คน และ จ.พระนครศรีอยุธยา 1 คน ทั้งหมดเสียชีวิตไปก่อนหน้า ทิ้งระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ลูกสาวได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุมาจากการสักลายจนเป็นข่าวครึกโครม ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้แพทย์ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.ย. นายอิน (นามสมมติ) บิดาของ น.ส.อ้อย (นามสมมติ) สาวโคโยตี้ที่อ้างว่าไปสักลายแล้วติดเอดส์เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ศพลูกสาวได้เผาไปแล้วที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ลูกสาวติดเชื้อเอชไอวีก่อนจะไปสักลายนั้น ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะลูกไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง จากนี้ไป ขอยุติการให้ข่าวเพียงเท่านี้ และขอสื่อมวลชนอย่าขุดคุ้ยอีก

ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นายทอง (นามสมมติ) อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยย่านมีนบุรี เปิดเผยว่า รู้จักกับ น.ส.อ้อย เคยมีเพศสัมพันธ์กันนานแล้วเมื่อ 4-5 ปี ตอนหลังดูแลเหมือนลูกไม่ใช่ แฟน ก่อนที่ น.ส.อ้อยจะไปอยู่ จ.เชียงใหม่ ได้มาพักอยู่กับตน 1 เดือน แต่ไม่ได้หลับนอนด้วยกัน เรื่องที่ น.ส.อ้อยติดเชื้อเอชไอวีไม่ทราบจริงๆ ระยะหลังเห็นสภาพร่างกาย น.ส.อ้อยซูบผอมผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน กินอะไรไม่ได้ ให้ไปหาหมอพบเป็นไวรัสลงกระเพาะ กระทั่ง น.ส.อ้อยบอกอยากจะกลับไปรักษาตัวที่บ้าน เลยให้ค่ารถไป 1,000 บาท เพิ่งรู้ข่าวในเฟซบุ๊กว่า น.ส.อ้อยเสียชีวิต ส่วนประเด็นที่ว่ามีเพื่อน 3 คนที่ไปสักลายพร้อมกันเสียชีวิตก่อนนั้น ไม่เคยได้ยินข่าวนี้เลย

...

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายตั้ม (นามสมมติ) แฟนหนุ่มคนล่าสุดของ น.ส.อ้อย ผู้เสียชีวิต ได้ให้ข้อมูลว่า เพิ่งรู้ว่าแฟนสาวเสียชีวิต เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาจากทางเฟซบุ๊ก ตนรู้จัก น.ส.อ้อยได้ประมาณ 1 ปี อยู่กินด้วยกันราว 2 สัปดาห์ และมีเพศสัมพันธ์กันเพียง 3 ครั้ง ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ครั้งแรกไม่ได้ป้องกัน ครั้งที่ 2-3 ป้องกัน สาเหตุที่ไม่ได้อยู่กันนานเพราะทะเลาะกันบ่อย หลังทราบข่าวว่าแฟนเสียชีวิตเพราะโรคเอดส์ รีบไปตรวจเลือดทันที หมอบอกว่าไม่พบเชื้อเอชไอวี แต่ต้องมาตรวจซ้ำอีกครั้งในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ตอนนี้รู้สึกสบายใจบ้างแล้วที่ไปตรวจเลือดแล้วไม่พบ ช่วงที่อยู่ด้วยกัน แฟนก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย เห็นแต่อาเจียนบ่อยและซูบผอมเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าการชันสูตรพลิกศพที่ญาติอ้างว่าได้ใบรับรองแพทย์จาก รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ และใบชันสูตรการเสียชีวิตจาก รพ.เลย ระบุสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต มีด้วยกัน 3 โรค หรือ TB3+ คือ Hypovolemic Shock (ช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ) เป็นมาได้ 14 วัน โรค Acute Diarrhea (อุจจาระร่วงเฉียบพลัน) เป็นมาได้ 14 วัน และโรค Human Immunodeficiency Virus Infection (HIV) เป็นมาได้ 1 ปี แพทย์ระบุว่า กรณีที่พ่อของผู้เสียชีวิตอ้างว่า ลูกสาวพร้อมเพื่อนไปสักลายที่ร้านสักย่านคลองหลอด ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งมาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 31 ส.ค. สาเหตุไม่น่ามาจากการติดเชื้อเอชไอวีจากการสักลาย เพราะผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี มาก่อนหน้าหลายปีแล้ว

วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รอง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการดำเนินโรคหลังการติดเชื้อเอชไอวี ว่า การติดเชื้อเอชไอวี จนนำไปสู่การป่วยด้วยโรคเอดส์ เฉลี่ยใช้เวลาถึง10 ปี ส่วนอาการระยะสั้นหลังติดเชื้อไม่ได้ทำให้เสียชีวิต แต่อาจจะมีไข้ ผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ไม่ถึง กับเสียชีวิต กรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตระบุว่า เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวีหลังไปรับการสัก และยังเสียชีวิตพร้อมเพื่อนอีก 3 คนเป็นเรื่องแปลก ต้องสอบสวนหาสาเหตุต่อไป

นพ.วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เลย กล่าวถึงกรณีข่าวมีผู้ร้องเรียนว่าลูกสาวและเพื่อนติดเชื้อเอชไอวีจากการสักลายว่า หญิงรายดังกล่าวเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อหลายอย่างก่อนที่จะเสียชีวิต ส่วนรายละเอียดของอาการและตัวโรคของการเสียชีวิตนั้น คงต้องไปสอบถามกับบิดาของผู้เสียชีวิตเอง เนื่องจากเป็นสิทธิของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม กรณีการเสียชีวิตดังกล่าวนั้น หากในส่วนกลาง เช่น สธ.สอบถามเข้ามาก็จะทำรายงานส่งไปให้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อเข้ามา จึงยังไม่ได้ส่งรายงานไปให้ส่วนกลาง