ต้น สราวุฒิ ศิลปินผู้สร้างรูปปั้นจ่าแซม เปิดใจเผย จะใช้เวลาอีก 4 เดือนในการสร้างรูปปั้นพร้อมไปวางแสดงหน้าถ้ำหลวง โดยรูปปั้นที่ออกแบบจะมีความสมจริง สามารถถ่ายทอดอารมณ์ เหมือนมีชีวิต...
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2561 ที่บ้านเลขที่ 143/1 หมู่ 13 ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย ของศิลปินเชียงราย นายสราวุฒิ คำมูลชัย หรือ 'ต้น' ศิลปินด้านการปั้นผู้ได้รับมอบหมายจาก อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ให้ดูแลกระบวนการสร้างรูปปั้นจ่าแซม หรือ น.ต.สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีลที่อาสามาร่วมดำน้ำเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีที่ถ้ำลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อรูปปั้นนั้นเป็นต้นแบบไปทำแม่พิมพ์หล่อโลหะบรอนซ์เพื่อสร้างอนุสาวรีย์ระลึกถึงการเสียสละของจ่าแซม อาสาสมัครเด็กๆ และชาวบ้าน ต.ทรายขาว กล่าว 30 คน กำลังช่วยกันต้มดินน้ำมันตามสูตรที่ “ต้น” คิดขึ้นมาสำหรับใช้ในงานปั้น โดยวันนี้เป็นวันที่ 4 ในการเตรียมดินน้ำมัน คาดว่าวันพรุ่งนี้จะทำเสร็จทั้งหมด และนำไปเริ่มขึ้นรูปตามโฟมที่ขยายจากแบบที่ “ต้น” ปั้นเป็นต้นแบบมาก่อนหน้านั้น
นายสราวุธ กล่าวว่า เพื่อจะเตรียมวัสดุให้ศิลปินทุกท่านที่จะมาช่วยกัน ให้มีความพร้อมที่สุด ซึ่งขณะนี้ก็จะมีชาวบ้านที่เขาเต็มใจมาช่วย และน้องๆ มาช่วยกันที่บ้าน ดินน้ำมันที่ผมคำนวณใช้ประมาณ 1.3 ตัน โดยจะต้มเสร็จและนำไปวัดร่องขุ่นได้ภายในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อที่จะขึ้นรูปตามโฟม ซึ่งที่วัดร่องขุ่นจะมีศิลปินหลายท่านมาร่วมลงแรงกันด้วยใจ จะมีการวางแผนการทำงานรายวันร่วมกันอีกครั้ง เพื่อสร้างงานชิ้นนี้ร่วมกัน คาดว่าใช้เวลา 2 เดือน และจากนั้นขั้นตอนการหล่อบรอนซ์จะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน ที่จึงจะเห็นงานชิ้นนี้แบบพร้อมนำไปตั้งที่ถ้ำหลวง
...
“เนื่องจากผมต้องการให้งานออกมาดีที่สุด ผมจึงจะเตรียมดินให้ดีที่สุด คุณภาพสูง เพื่อย่นเวลาในการปั้น การทำดินน้ำมันผมใช้เวลาคิดสูตรทดลองมาหลายปี ตอนแรกทำเพื่อจะลดต้นทุนในช่วงทำงานใหม่ๆ เพราะดินน้ำมันอิตาลีที่ใช้ราคาแพงมาก มีค่าใช้จ่ายสูงในการทำงานประติมากรรมแต่ละชิ้นออกมา ผมจึงทดลองผสมดินน้ำมันเองมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ลงตัวแล้วก็จะนำมาใช้ในงานอนุสาวรีย์จ่าแซม เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด” ศิลปินหนุ่มผู้ปั้นหุ่นจ่าแซม กล่าว
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า การปั้นจ่าแซม จะเน้นความสมจริง เหมือนคนไปยืนอยู่ ไม่เน้นรูปแบบว่า ประติมากรรมต้องเป็นแบบนี้ อยากให้เป็นงานที่ไม่เหมือนใคร สื่อสัญลักษณ์ เช่น การใช้หมูป่าแทนเด็กๆ ทีมฟุตบอล และจะสื่อความหมาย เช่น โค้ชเอก เป็นเหมือนจ่าฝูงจะตัวใหญ่ที่สุด ไล่เลียงกันไป ส่วนไตตั้นอายุน้อยที่สุดจะตัวเล็กที่สุด ส่วนการจัดวาง ท่าทางของหมูป่าก็จะบอกตัวตนของคนในทีมทั้ง 13 คน ศิลปินจะมีการลงรายละเอียดในการปั้นขึ้นรูปดินน้ำมันอีกครั้ง และอาจมีการตัดแต่งโฟมให้ได้แนวทางตามที่อาจารย์เฉลิมชัยได้ออกแบบแนวคิด
ศิลปินผู้ปั้นหุ่นจ่าแซม กล่าวอีกว่า ส่วนตัวจะทำงานในทุกหน้าที่ตามความเหมาะสมในวันเวลาที่ทำงาน พร้อมที่จะสนับสนุนทุกท่านในการร่วมกันทำงานครั้งสำคัญนี้ งานประติมากรรมที่ทำขณะนี้ ไม่ใช่ภาพประกอบการเล่าเรื่อง แต่เป็นงานที่จะสื่ออารมณ์ให้คนรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ที่ถ้ำหลวง เทคนิคขยายด้วยต้นแบบด้วยโฟมทำให้ลดขั้นตอนไปมากประหยัดเวลาไปหลายเดือน แต่การทำงานในจากนี้จะมีการปรับแบบโฟมบ้างเพื่อให้ได้ตรงตามแนวคิด โดยต้องมีการลอกผิวแยกเป็นชิ้นๆ ออกมาทำ ขึ้นรูปดินน้ำมัน มีการคิดและวางแผนตรงนี้อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้งานสะดุด และมีเวลาพอในการลงรายละเอียดให้ดีที่สุด เพื่อให้งานปั้นครั้งนี้ออกมาดูมีชีวิต ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก
นายศราวุธ กล่าวด้วยว่า อาจารย์เฉลิมชัยได้คิดมาอย่างละเอียด ทั้งเรื่องสีหน้า การหันมอง ที่ต้องสื่อความมีจิตสาธารณะออกทางใบหน้า อิริยาบถที่ยืนอยู่ในความเร่งรีบจะเข้าถ้ำไปช่วยเด็กๆ ทำให้ต้องถือหมวกอยู่ในมือ ทิศของการจัดวาง การยืนบนโขดหินที่มีน้ำล้อมรอบ เพื่ออธิบายถึงสภาพในเวลาสถานการณ์ขณะนั้น ตำแหน่งของหมูป่า บนโขดหินหรือไปตกลงในน้ำขณะที่ถูกค้นพบ จะมีการเพิ่มไปในการเก็บรายละเอียด และงานจะต้องดูมีชีวิต จะต้องดูแลให้งานออกมาใกล้เคียงกับที่อาจารย์เฉลิมชัยได้คิดออกมา การทำตัวแบบเพื่อหล่อบรอนซ์อนุสาวรีย์จ่าแซมนั้น หลังจากทำเสร็จจะทำลายตัวแบบทิ้ง เพราะจะมีการหล่อรูปปั้นนี้เพียงครั้งเดียว
...
“โอกาสครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งเป็นอาจารย์ผมด้วย ท่านสอนผมหลายอย่าง เป็นการสอนที่ไม่มีในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่หลักการ แต่เป็นชีวิตจริง เป็นไอดอลของผม” ศิลปินผู้ปั้นหุ่นจ่าแซม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงานของ “ต้น” สราวุธมี ที่ผ่านมา มีความโดดเด่น ในงานปั้น มีจังหวะของตัวเอง ทำให้หลายคนชื่นชม โดยมีงานที่รู้จักปรากฏต่อสายตา เช่น งานปั้นปูนสด สูง 4.5 เมตร “ เทพารักษ์ พระเดช และ พระคุณ” ที่ไร่เชิญตะวัน “งานมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่” งานหล่อบรอนซ์ และมีงานอีกหลายชิ้นที่เป็นที่รู้จัก ภายหลังจากจบมหาวิทยาลัยศิลปากร ช่วง 3-4 ปี เมื่อมีงานของผู้ใหญ่หรือส่วนรวมก็จะวางมืองานของตัวเองมาช่วยกันก่อน เหมือนการทำงานอนุสาวรีย์จ่าแซมครั้งนี้ จึงได้รับมอบหมายจาก อ.เฉลิมชัย ให้ดูแล.