คนเชียงใหม่และชาวบ้านแม่เหียะ ทำพิธีเลี้ยงดง ผีปู่แสะย่าแสะ ยักษ์พิทักษ์ดอยสุเทพ กลุ่มเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ขอวิญญาณผีปู่ในร่างทรง ช่วยตาม ป่าหมู่บ้านป่าแหว่ง กลับคืนมาเป็นป่าให้ได้ ...
ช่วงเช้า วันที่ 28 พ.ค.นี้ ที่บริเวณศาลปู่แสะย่าแสะ ยักษ์ผู้พิทักษ์ป่าดอยสุเทพ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางเทศบาลเมืองแม่เหียะ ได้จัดงานบวงสรวงศาล "ปู่แสะยักษ์จิคำ" และ "ย่าแสะยักษ์ตาเขียว" บริเวณทางขึ้นวัดพระธาตุดอยคำ และประเพณีเลี้ยงดง การเซ่นสรวงดวงวิญญาณผีปู่แสะย่าแสะและผี ในป่า ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย โดยมี นายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศบาลเมืองแม่เหียะ เป็นประธานจัดงาน มีผู้มาร่วมงานพิธีจำนวนมาก
โดยเริ่มต้นจากการบวงสรวงศาลปู่แสะย่าแสะ เพื่ออัญเชิญไปยังลานทำพิธีเลี้ยงดง ที่อยู่ห่างจากศาลปู่แสะย่าแสะ ไปประมาณ 1 กม. มีขบวนแห่พระบฏ ซึ่งบรรจุภาพของพระพุทธเจ้าของร่วมขบวน โดยบริเวณดังกล่าวมีการล้มควายหนุ่ม ที่มีกีบเท้าสีเหลือง เขาควายยาวเท่าหู พร้อมกับเครื่องพลีกรรมอื่นๆ กล้วย อ้อย นอกจากนี้ ยังมีการตั้งศาลเพียงตา 12 ร้าน ให้กับเทพรักษ์และผีป่า ที่พิทักษ์ป่าดงพงไพรผืนนี้
...
เมื่อขบวนไปถึง มีการประกอบพิธีทางศาสนา เพื่ออัญเชิญภาพพระบฏ ขึ้นห้อยบนต้นไม้ จากนั้นทาง นายุบุญ จินาราช อายุ 83 ปี ได้ประกอบพิธีอัญเชิญวิญญาณของปู่แสะ เข้ามาสู่ร่างทรง โดยในปีนี้ นายเทอดศักดิ์ มูลเขียว อายุ 47 ปี เป็นร่างทรงของปู่แสะ ซึ่งเมื่อวิญญาณของปู่แสะเข้าร่าง นายเทอดศักดิ์ ได้มีอาการกิริยาเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นคนเสียงชรา พร่ำบ่นก่อนที่จะเดินลงมาที่ลานพิธีซึ่งมีซากควายที่นำมาบูชา โดยร่างทรงปู่แสะ ได้เข้าไปคร่อมซากควาย และกินเนื้อสด
ในปีนี้ร่างทรงปู่แสะอารมณ์ดีกว่าทุกๆปี ได้นอนลงบนซากความอย่างมีความสุข ก่อนที่จะเดินมาให้ศีล ให้พร ผู้ที่มาร่วมพิธีจำนวนนับพันคน และได้เดินไปไหว้ภาพพระบท มีภาพพระพุทธเจ้า ซึ่งถือว่าเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถควบคุม "ปู่แสะยักษ์จิคำ" และ "ย่าแสะยักษ์ตาเขียว" ไม่ให้กินมนุษย์
ในช่วงเวลานั้นเอง กลุ่มเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดยนายธีรศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ และ นางคำสีดา แป้นไทย กลุ่มเฮาฮักเจียงใหม่ ได้นำภาพถ่ายและข้อความ พร้อมตะโกนบอกปู่แสะเยักษ์พิทักษ์ดอกสุเทพ ให้ช่วยดลบันดาลให้ผู้มีอำนาจเหนือหมู่บ้านป่าแหว่ง หรือบ้านพักตุลาการ เชิงดอยสุเทพ ให้คืนผืนป่ากลับสู่ดอยสุเทพดังเดิม หากสำเร็จชาวเชียงใหม่จะถวายควาย 1 ตัวในปีต่อไป ซึ่งร่างทรงผีปู่แสะ ได้เพ่งมอง และพยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็เดินไปให้พรแก่ชาวบ้านที่นั่งเรียงรายรออยู่
นายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีตำบลแม่เหียะ ได้เผยถึงตำนานพิธีเลี้ยงดง ของชาวเชียงใหม่นั้น จัดขึ้นติดต่อกันหลายร้อยปีแล้ว โดยตำนานปู่แสะย่าแสะ ในอดีตมีเมืองระมิงค์นครหรือบุพพนคร เป็นเมืองชนเผ่าลัวะ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำปิงและดอยอ้อยช้าง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข เพราะถูกยักษ์ 3 ตน ยักษ์พ่อแม่ลูก จับเอาชาวเมืองไปกินทุกวันๆ จนชาวเมืองต้องหนีออกจากเมือง เนื่องจากกลัวยักษ์
ต่อมาพระพุทธเจ้า รับรู้ความเดือดร้อนของชาวเมืองลัวะ จึงได้เสด็จมาโปรดและแสดงอภินิหาร แสดงธรรม ให้ยักษ์สามตนได้เห็น จนยักษ์สามตนนั้นเกิดความเลื่อมใส และให้ยักษ์ทั้งสามตนสมาทานศีลห้าสืบไป แต่ยักษ์ทั้งสามตนได้พวกตนเป็นยักษ์ต้องประทังชีวิตด้วยการกินเนื้อมนุษย์ แต่หากไม่ได้กินเนื้อมนุษย์ ขอกินเนื้อสัตว์ก็ยังดี จึงได้ขอพระพุทธเจ้ากินควายปีละ 1 ตัว
พระพุทธเจ้าไม่ตอบ ยักษ์ทั้งสามตนจึงได้ไปขอกับเจ้าเมืองลัวะ ซึ่งทางเจ้าเมืองก็ได้นำควายมาถวายให้ปีละ 1 ตัว และเป็นประเพณีสืบกันต่อมา แต่ในทุกๆปี ก็มีการแห่พระบฏ เป็นผ้าที่มีรูปของพระพุทธเจ้าอยู่เมื่อนำมาผูกห้อยต้นไม้ตรงที่มีการเลี้ยงดงพระบฏ จะแกว่งไปมาเหมือนพระพุทธเจ้าเสด็จมา เพื่อให้ยักษ์ปู่แสะย่าแสะได้เห็นว่าพระพุทธองค์ยังเฝ้าดูอยู่
"ประเพณีเลี้ยงดงถือเป็นความเชื่อของชาวเชียงใหม่ โดยเฉพาะชาวบ้านแม่เหียะ ยังเชื่อว่ายักษ์ทั้งสองยังคงสถิตอยู่ในป่าและยังคงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้เห็นอยู่เสมอ ทั้งสองปู่แสะย่าแสะ คงรักษาป่าดลบันดาลและประทานความอุดมสมบูรณ์ให้ป่าทั้งสองดอย มีดอยคำ และดอยสุเทพ ให้ฝนตกตามฤดูกาลชาวบ้านทำเกษตรได้ผลดีมีความมั่นคงอยู่ดีมีสุข แต่หากผู้ที่บุกรุกทำลายผืนป่าก็จะมีอันเป็นไป ตายโดยไม่ทราบสาเหตุก็มี
ประเพณีนี้ถึงจัดเป็นประเพณีขึ้นทุกปีเพื่อขอให้ยักษ์ทั้งสองตนเป็นผู้ปกปักรักษาดงดอยรักษาป่าต้นน้ำผืนสุดท้ายในอุทยานดอยสุเทพ ดอยคำเพื่อเลี้ยงชีวิตชาวแม่เหียะ และชาวจังหวัดเชียงใหม่และเกิดเป็นพลังศรัทธาสู่การรักษาผืนป่าที่ยั่งยืนสืบไป" นายธนวัฒน์ กล่าว.
...