เปิดปมเหตุโศกนาฏกรรมกลางเมืองปาย ลูกเขยเจ้าของโรงแรม ยิงหนุ่มร้านข้าวต้ม ดับพร้อมเมียและลูกจ้าง รวม 3 ศพ พบมีปากเสียงทะเลาะกันมานาน เรื่องแขกร้านข้าวต้มส่งเสียงดัง เอารถเข้าไปจอดในโรงแรม จนกระทบลูกค้า...

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ความคืบหน้าเหตุสลด กรณีลูกเขยเจ้าของโรงแรมเรือนแฝด 2 ในพื้นที่ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ใช้ปืนยิงเจ้าของร้านข้าวต้ม 25 น. ซึ่งอยู่ติดกัน เสียชีวิตพร้อมภรรยาและลูกจ้าง รวม 3 ศพ เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุนายกิตติ อภัยภักดี อายุ 30 ปี มือยิง ไม่ได้หลบหนี ได้แจ้งกับ ร.ต.อ.รัชพล นุ้ยป้อม พนักงานสอบสวนเวร สภ.ปาย ว่า ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และปืนลูกซองยาว ยิงนายบัณฑิต จิระธนดล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 249 หมู่ 8 ต.เวียงใต้ อ.ปาย เจ้าของร้านข้าวต้ม 25 น. รวมถึง นางเยาวลักษณ์ มูลมิรัตน์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/14 ถ.ทุ่งโฮเต็ล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ภรรยานายบัณฑิต และนายธนากร วิทยาบำรุง อายุ 44 ปี ลูกจ้างในร้าน อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 13 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี จนเสียชีวิตคาที่

ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุ ได้มีการยิงปืนขึ้นฟ้า บริเวณหน้าโรงแรมเรือนแฝด 2 ทำให้นายบัณฑิต และนายธนากร ได้เดินไปต่อว่านายกิตติ ซึ่งเป็นลูกเขยเจ้าของโรงแรมเรือนแฝด 2 และมีหน้าที่ดูแลกิจการในโรงแรมดังกล่าว ทำให้นายกิตติใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยิงใส่นายบัณฑิต และนายธนากร จนเสียชีวิตคาที่ จากนั้นนายกิตติได้กลับเข้าไปในห้องแล้วนำปืนลูกซองยาว เดินมาที่ร้านข้าวต้ม 25 น. และใช้อาวุธปืนยิงนางเยาวลักษณ์ จนเสียชีวิตเป็นรายที่ 3

ด้านผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ก่อนหน้านั้นนายกิตติ และนายบัณฑิต ได้มีปากเสียงทะเลาะกันมานานนับปี สาเหตุมาจากเรื่องเสียงดังในร้านข้าวต้ม ไปรบกวนแขกที่พักโรงแรม จนแขกต้องเช็กเอาต์ออกโรงแรมกลางดึก ส่งผลให้โรงแรมขาดรายได้ นอกจากนั้นแขกที่มาทานอาหารที่ร้านข้าวต้ม ส่วนใหญ่จะมีอาการมึนเมากินเหล้าและข้าวต้มส่งเสียงดังมาก รวมไปถึงแขกส่วนหนึ่งนำรถไปจอดในที่จอดรถของโรงแรม ทำให้ผู้เข้าพักเมื่อกลับมาไม่มีที่จอดรถ ทำให้นายกิตติเกิดความเครียดสะสม จนกระทั่งก่อเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้

...

ขณะที่คนในพื้นที่ กล่าวว่า เคยร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.ปาย มีการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา และเจ้าหน้าที่ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมายาวนาน และแม้ร้านข้าวต้มจะไม่ใช่สถานบันเทิง แต่แขกที่มาทานข้าวต้มส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เป็นนักเที่ยวที่ไปท่องราตรีจนร้านปิดและพากันมากินเหล้าที่ร้านข้าวต้มต่อ และมีการกินต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้า ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อาศัยข้างเคียง ที่อยู่ระหว่างการนอนหลับพักผ่อน จนกลายเป็นเหตุสลดขึ้นมาในครั้งนี้.