หนุ่มใหญ่วัย 55 ปี ถูกคนร้ายฟันไม่ยั้ง 9 แห่ง ดับในเพิงพัก ส่วนเพื่อนเจ้าของเพิงได้รับบาดเจ็บ ส่งตัวรักษาที่รพ. ตร.คาดทะเลาะกันในวงสุรา ด้านลูกสาวผู้ตายตั้งข้อสงสัยชายหัวโล้นมักแวะมาดื่มเหล้า หายตัวไป 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ร.ต.อ.สุรพงศ์ เหมือนศรีชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุคนถูกฟันเสียชีวิตอยู่ภายในเพิงพักริมถนนสายพิษณุโลก - บึงพระ ต.ในเมือง ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พิเชษฐ ปันกาวี รอง ผกก.(สอบสวน) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวน และตำรวจชุดสืบสวน พ.ต.ท.เรณุกา หมอนแพร รอง ผกก.กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวร รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน พบเป็นเพิงพักชั่วคราวปลูกสร้างจากเศษไม้ ตีแปะด้วยแผ่นสังกะสี คุมสแลนกันแดดล้อมรอบ อยู่ในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีชาวบ้านยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก ภายในเพิงพักพบศพผู้เสียชีวิตนอนหงายอยู่บนที่นอนซึ่งกางมุ้งคลุมไว้ โดยมือขวายังกำชายมุ้งไว้จนแน่น

...

ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายยงยุทธ เจริญผล อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 362/5 ถ.ราษฎร์อุทิศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำตาล ใส่กางเกงขาสั้นสีเทา มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคม ลักษณะเหมือนมีดพร้าหรือมีดอีโต้ จำนวน 9 แห่ง คือ ที่ศีรษะด้านหลัง เหนือคิ้ว หางตาซ้าย คาง ลำคอข้างขวา ข้อมือขวา คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง โดยบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตน่าจะเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ ตำรวจสอบสวน นายยุทธนา เจริญผล อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 2336 ซอยดีอินทร์ 1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก น้องชายผู้เสียชีวิตทราบว่า พี่ชายของตนเมื่อก่อนทำงานรับจ้างติดตั้งอลูมิเนียม แต่ระยะหลังติดสุราเรื้อรัง จึงไม่ได้ทำงานอะไร และมารู้จักกับนายหำ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) เจ้าของเพิงพักที่ชอบดื่มสุราเหมือนกัน จึงมาแวะหาดื่มกินที่เพิงพักแห่งนี้กับพรรคพวกจำนวนหลายคนทุกวัน ประมาณ 1 เดือนแล้ว โดยมีนายหำ ไม่ทราบนามสกุล เป็นเจ้าของ แต่นายหำเจ้าของเพิงพัก ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บ ก่อนส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนเช้าวันนี้มีชาวบ้านโทรไปบอกตนว่า พี่ชายถูกฆ่าตายจึงมาดูที่เกิดเหตุดังกล่าว

ทางด้าน น.ส.ชาลิสา เจริญผล อายุ 19 ปี บุตรสาวของผู้ตาย และมารดาซึ่งเป็นภรรยาของผู้เสียชีวิตแต่แยกกันอยู่ ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุถึงกับร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจเมื่อเห็นสภาพศพของผู้เสียชีวิต พร้อมเปิดเผยว่า พ่อของตนและนายหำเป็นเพื่อนสนิทกันและพักอาศัยอยู่ด้วยกันประมาณ 1 เดือนแล้ว ตนเพิ่งมาหาพ่อที่เพิงพักแห่งนี้เมื่อ 3 วันก่อน เพื่อพาไปตัดผม แต่ระยะหลังสังเกตว่ามีชายแปลกหน้าลักษณะหัวโล้น มักจะขี่รถจักรยานแวะมาดื่มสุราร่วมวงด้วยเป็นประจำ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้หายตัวไป สอบถามใครก็ไม่พบเห็น ตนไม่คิดว่าพ่อจะมาถูกฆ่าตายอย่างทรมานเช่นนี้

ส่วน พ.ต.ท.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า คดีนี้พอทราบตัวผู้ที่ร่วมดื่มกินสุรากับผู้ตายเป็นประจำแล้วมีทั้งสิ้น 4 คน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างติดตามตัว ตอนนี้ให้ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และจะไปสอบปากคำนายหำ ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ส่วนสาเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้คาดว่า น่าจะเกิดจากการมีปากเสียงทะเลาะกันในวงสุรา

พ.ต.ท.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ชาวบ้านยังให้เบาะแสเพิ่มเติมอีกว่า ที่เพิงพักจุดเกิดเหตุ มักมีกลุ่มคนเข้ามาดื่มกินกันทุกวัน บางวันเมื่อกินเมาได้ที่แล้ว ก็จะหาเรื่องทะเลาะกันเอง ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันก็มี จนสุดท้ายถึงขั้นฆ่ากันตาย คาดว่าคนร้ายทำร้ายร่างกายนายหำได้รับบาดเจ็บก่อน แล้วย้อนกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็น นายยงยุทธ เจริญผล ผู้ตาย นอนหลับพักผ่อนอยู่บนที่นอน อาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนายหำเจ้าของเพิงพัก หรืออาจหวังฆ่าปิดปาก เพราะรู้เห็นเกี่ยวกับกรณีคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันนายหำได้รับบาดเจ็บ จึงอาศัยจังหวะและความมืดใช้ของมีคมฟันไม่ยั้งจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป.

...

ล่าสุดล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า ได้นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาหลักฐานที่เชื่อมโยงเพิ่มเติม พร้อมทั้งไปสอบปากคำ นายหำ (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนของผู้ตาย ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช

เบื้องต้น ทราบว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายหำนี้ คือ นายแกละ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ซึ่งคาดว่า กำลังอยู่ระหว่างหลบหนี ส่วนสาเหตุเนื่องมาจากนั่งร่วมวงดื่มสุรากันแล้วเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง จนทำให้นายแกละโมโห ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายดังกล่าว และเชื่อว่า นายแกละ จะเป็นผู้ที่ลงมือทำร้ายร่างกาย นายยงยุทธ จนเสียชีวิต เพราะเคยกล่าวอาฆาตไว้ ตนจึงได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนเฝ้าดูนายแกละที่บ้านพักรวมทั้งบ้านญาติ เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะหลบหนีไปไกล หากพบตัวจะได้นำตัวมาสอบสวนปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป.