แห่ร้องอัยการจังหวัด ที่เชียงราย นายทุนเงินกู้ฉ้อโกงเอาที่ดินชาวบ้าน ตายาย เอาที่ 2 แปลงไปจำนอง 3.6 แสน โดนหลอกให้ไปเซ็นชื่อ ก่อนที่ดินจะหลุดไปเป็นของนายทุน โดนฟ้องร้องขับไล่ เชื่อมีผู้เสียหายจากนายทุนคนเดียว กว่า 200 ราย...
วันที่ 3 ต.ค. 60 ที่สำนักงานอัยการจังหวัดเทิง อ.เทิง จ.เชียงราย นายสมชาย จันทรประทือง อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.เชียงราย (สาขาเทิง) เผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีตายายคือ นายเสาร์ และ นางแก้ว นำกองดี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.3 ต.สันทรายงาม อ.เทิง พร้อมครอบครัว ได้มาร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ หลังโดนหมายจับจากศาลจังหวัดเทิง กรณีที่เจ้าหนี้ได้บังคับคดีไล่ผู้อาศัยทั้งหมด 9 คนออกจากบ้าน เด็กเล็กอายุ 5 ขวบ และ 2 ขวบ ก็โดนหมายจับด้วย
นายอัครพล อุทธิยา อายุ 41 ปี ลูกเขยของตายาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2556 นางสงกรานต์ นำกองดี ภรรยาของตนได้ไปกู้ยืมเงินกับ นางอรทัย (ขอสงวนนามสกุล) เป็นเงิน 360,000 บาท เพื่อนำเงินมาปิดหนี้กับ ธ.ก.ส. ใช้โฉนดที่ดิน 2 แปลง เป็นที่บ้านเนื้อที่ 2 งาน และที่นา 6 ไร่เศษ ของนายเสาร์และนางแก้วที่เป็นพ่อแม่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่นางอรทัยได้พาตายายไปทำเซ็นโอนขายที่ดินโดยที่ตายายไม่รู้เรื่อง ในวันเดียวกัน นางอรทัยได้ขายที่ดินดังกล่าวให้กับนายทนงศักดิ์ ซึ่งเป็นสามีของนางอรทัย และนายทนงศักดิ์ได้ขายฝากให้กับนายทุนอีกคน ในราคา 1 ล้านบาท อีกทอดหนึ่ง จนกระทั่งเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งศาลขอให้พนักงานบังคับคดีขับไล่นายทนงศักดิ์และครอบครัวของตนทั้งหมดออกจากบ้าน ขอยืนยันว่านายทนงศักดิ์ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านนี้ และไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับการฟ้องร้องในชั้นศาลแต่อย่างใด จึงได้มาขอความเป็นธรรมกับอัยการ
...
อีกราย นายบุญทา ดวงธรรม อายุ 79 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.2 ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ได้กู้เงินกับ นางอรทัย เป็นเงิน 20,000 บาท ใช้ที่บ้านเนื้อที่ 1 งาน 80 ตารางวา วางค้ำประกันและจ่ายเงินครบถ้วนหมดแล้ว แต่พอจะขอโฉนดคืน นางอรทัยก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืน จนต่อมาทราบว่าที่ดินดังกล่าวได้ถูกขายไปให้นายสุขสันต์ นายทุนอีกคนไปแล้ว และต่อมาได้มีคำสั่งศาลไล่ที่ออกมา ญาติพยายามขอไกล่เกลี่ยเพื่อขอที่ดินคืน แต่ นายสุขสันต์ บอกว่าต้องจ่ายถึง 2 ล้าน 2 แสนบาท ถึงจะได้โฉนดคืน จนชาวบ้านข้างเคียงรู้ข่าวจึงช่วยกันบริจาควัสดุก่อสร้าง เช่น กระเบื้องมุงหลังคา อิฐบล็อก หรือไม้ บางรายก็ให้เป็นเงิน หรือข้าวสารอาหารแห้งมาช่วยเหลือ และหมู่บ้านได้แบ่งที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อให้สร้างบ้าน บรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน
"ทางสำนักอัยการได้ให้คนที่มาร้องทุกข์ไปฟ้องร้องต่อศาล เนื่องจากดูแล้วนิติกรรมซื้อขายไม่ถูกต้อง บางรายหลังจากได้เซ็นขายให้นางอรทัยโดยไม่รู้ตัวแล้ว นางอรทัยก็จะนำโฉนดที่ดินที่ได้ไปทำการขายต่อ โดยมีนางอรทัยเป็นผู้รับมอบอำนาจทำธุรกรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเพียงคนเดียว และการทำธุรกรรมซื้อขายมีการโอนกันหลายทอดโดยใช้เวลาแค่วันเดียว ตอนนี้มีคนที่มาร้องทุกข์กับอัยการจากกรณีที่ไปกู้ยืมเงินกับนางอรทัยแล้วประมาณ 10 กว่าราย แต่ทราบมาจากชาวบ้านว่ามีผู้เดือดร้อนจริงๆ กว่า 200 ราย แต่บางรายไม่ได้มาร้องทุกข์เพราะเกรงกลัวว่าจะโดนกลั่นแกล้ง บ้างก็เห็นคำสั่งศาลให้ยึดทรัพย์จึงไม่กล้ามาร้องทุกข์ บางรายต้องตัดปัญหาโดยการขายที่ดินส่วนอื่นเพื่อนำมาซื้อที่ดินส่วนที่โดนยึดไปคืนมา จึงอยากขอให้ผู้เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวให้มาร้องทุกข์กับอัยการ เพื่อจะได้ดำเนินการช่วยเหลือต่อไป" นายสมชาย กล่าว.