“บิ๊กเต่า” รมว.ทส. ดับฝันสร้างเขื่อนแม่วงก์ หลังกรมอุทยานฯนำเสนอผลงานวิจัยพบเสือโคร่งเพิ่มกว่า 10 ตัว กระจายทั่วพื้นที่อุทยานฯแม่วงก์ ชี้รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมฯของเขื่อนแม่วงก์ ผ่านยาก ยันรัฐบาลไม่ใช้มาตรา 44 สร้าง เผย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนักอนุรักษ์
หลังจากมีกระแสข่าวว่า กรมชลประทานเตรียมผุดโครงการเขื่อนแม่วงก์รอบใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดการประชุมการป่าไม้ ประจำปี พ.ศ.2560 “รวมพลังรักษ์ป่า ด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถในศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ภายในงานมีการนำเสนอผลงานวิจัยด้านสัตว์ป่าและป่าไม้จากนักวิจัยของกรมอุทยานฯ ในหลายประเด็น โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญนั้น นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.กำแพงเพชรและนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กรมอุทยานฯร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลกประเทศไทย โดย น.ส.รุ้งนภา พูลจำปา นักวิจัยของกองทุนสัตว์ป่าโลก ได้สำรวจประชากรเสือโคร่งในพื้นที่อุทยานฯแม่วงก์ พบว่ามีเสือโคร่งใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว กระจายกันอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่จะก่อสร้างเป็นหัวเขื่อนแม่วงก์นั้น พบเสือโคร่งถึง 2 ตัว เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง และพบว่าเสือโคร่งเกือบทั้งหมดได้ขยายพื้นที่หากินมาจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี มาที่อุทยานฯแม่วงก์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มป่าตะวันตกเหมือนกัน แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าตะวันตกและอุทยานฯแม่วงก์
...
นายกิตติพัฒน์กล่าวต่อว่า เสือโคร่งในอุทยานฯ แม่วงก์ มีเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน หากสามารถควบคุมการล่าสัตว์ป่าได้อย่างต่อเนื่องและจริงจังอย่างที่อุทยานกำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าอีกไม่เกิน 10 ปี อุทยานฯแม่วงก์จะกลายเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีประชากรเสือโคร่งและสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ ชุกชุม ที่สำคัญอุทยานฯแม่วงก์ยังเป็นป่าที่มีป่าที่ราบริมน้ำเหมาะแก่การเป็นแหล่งหาอยู่หากินของสัตว์ป่า มีการพบร่องรอยการหากินของสัตว์กีบอย่างกวาง ซึ่งเป็นอาหารของเสือโคร่งด้วย
น.ส.รุ้งนภากล่าวว่า พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและอุทยานฯคลองลาน จ.กำแพงเพชร และตาก เป็นพื้นที่ที่มีเสือชุกชุมที่สุดในประเทศไทยและยังขยายอาณาเขตการหากินและอยู่อาศัยเข้ามาที่อุทยานฯแม่วงก์ โดยช่วงประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา มีเสือโคร่งตัวเต็มวัยได้ขยายพื้นที่ออกมายังอุทยานฯแม่วงก์ จำนวน 2 ตัว และสามารถขยายพันธุ์เพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 8 ตัวด้วยกัน ในจำนวนนี้ กล้องดักถ่ายภาพสัตว์ที่ติดเอาไว้ทั่วพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ สามารถบันทึกภาพเสือตัวเต็มวัยเอาไว้ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว โดยแต่ละตัวถือว่ามีพื้นที่หากินประจำอยู่ที่อุทยานฯแม่วงก์ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องน่าดีใจคือ พบว่าเสือโคร่งไม่ต่ำกว่า 2 ตัวที่มีลูกอ่อน โดยเสือแต่ละตัวมีลูกอีก 3 ตัว แต่ในหลักการของการวิจัยยังไม่อยากนับลูกอ่อนเหล่านี้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าแม่เสือจะสามารถเลี้ยงลูกได้รอดหรือไม่ ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน ซึ่งอุทยานฯแม่วงก์ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่า โลกได้ทำรายงานส่งไปยังสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขา นางรำ เขตรักษาพันธุ์ฯห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ศึกษาวิจัยเรื่องเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ดังนั้น ถือว่าขณะนี้ประเทศไทยมีความหวังสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่สามารถเพิ่มจำนวนเสือโคร่งในป่าให้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้คือ 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่มีอยู่ภายในปี 2565 ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวน 250-300 ตัว
ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ กล่าวว่า หากเป็นไปตามนี้ คือมีประชากรเสือโคร่งเพิ่มขึ้นในอุทยานฯแม่วงก์และป่าตะวันตก เชื่อว่ารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ของเขื่อนแม่วงก์คงจะผ่านลำบาก และคงไม่ได้สร้างแน่ ส่วนที่มีการพูดกันว่ามีความพยายามในการผลักดันให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 เพื่อสร้างเขื่อนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็คงไม่ยอม เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนักอนุรักษ์ หลังจากนี้กระทรวงทรัพยากรฯ โดยกรมอุทยานฯ ต้องทำทุกวิถีทางให้พื้นที่ป่าตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ห้วยขาแข้งฯ และกรมอุทยานฯเองในฐานะเจ้าของพื้นที่อุทยานฯแม่วงก์คงไม่ยอมให้มีการสร้างเขื่อนแม่วงก์เกิดขึ้นแน่