น่าน ชาวบ้านเกือบ 100 คน เข้าพบ ผู้ว่าราชการจังหวัด หลังเดือดร้อนนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรผู้ยากจน
วันที่ 5 ก.ย. 60 ราษฎรชาวไร่ห้วยน้ำหิน เกือบ 100 คน เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่ ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรผู้ยากจน ผู้มีรายได้น้อย ผู้ไร้ที่ดินทำกินได้อาศัยผืนป่าทำกินมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ
นายดิเรก กองเงิน ประธานสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ห้วยน้ำหิน ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ได้เดินทางจากอำเภอนาน้อย พร้อมกับเกษตรกรชาวไร่ห้วยน้ำหิน เข้าพบ นายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ที่ศาลากลางจังหวัดน่าน ต.ไชยสถาน อ.เมืองน่าน จ.น่าน เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กรณีความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่ห้วยน้ำหิน ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี ตามที่รัฐบาลมีนโยบายทวงคืนผืนป่า เพื่อให้มีพื้นที่ป่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ
โดยก่อนเข้าพบ ผวจ.น่าน ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรโดยสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ได้อ่านแถลงการณ์สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ กรณีความเดือดร้อนของเกษตรกร ชาวไร่ห้วยน้ำหิน ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ยากจน ผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของรัฐตามกฎหมาย ทั้งๆ ที่หลายพื้นที่พบว่า ทำกินมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษก่อนที่จะมีกฎหมายสงวนหวงห้าม ซึ่งสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ พบว่า ที่ผ่านมา การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีการตัดฟันพืชผลอาสินของราษฎร มีการสั่งห้ามเข้าพื้นที่ทำกิน มีการจับกุมดำเนินคดีกับเกษตรกรผู้ยากจน ยากไร้ แม้จะมีคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ที่ 66/2557 ซึ่งระบุว่า การดำเนินการใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อราษฎรผู้ยากจน ผู้ยากไร้ และผู้มีรายได้น้อย
...

นอกจากนี้ คำแถลงการณ์ฯ ยังได้กล่าวถึง การลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2559 พบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและได้สั่งการให้มีการดำเนินคดีกับนายทุนผู้บุกรุก และเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการปลูกป่าทดแทน ซึ่งมีการเบิกจ่ายงบประมาณแต่ไม่มีการปลูกจริง และอนุญาตให้ผู้ยากไร้ทำกินในพื้นที่โดยดูพฤติกรรมการใช้ประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาน้อย มีความพยายามเร่งรัดดำเนินคดีกับราษฎร จำนวน 298 ราย โดยอ้างว่า บุกรุกพื้นที่แปลงปลูกป่าทดแทน 10 แปลง เนื้อที่ 7,820 ไร่ แม้ในปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการพิสูจน์คุณสมบัติความเป็นผู้ยากจน ผู้ยากไร้ ตามหนังสือวิทยุสั่งการ ศปป.4 กอ.รมน. ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2558 และการดำเนินการของ สภ.นาน้อย ถือเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะคำสั่ง คสช. อย่างชัดเจน ซึ่งการเดินทางเพื่อเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ในครั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ห้วยน้ำหิน ต่างบอกว่า ต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้าน เนื่องจากพื้นที่ที่ชาวบ้านเข้าไปทำไร่นั้น เป็นพื้นที่ที่พวกตนได้ทำมาหากินมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษแล้ว และการเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อขอความเป็นธรรมและของเรียกร้องต่อรัฐบาล คือ ขอให้ยุติการดำเนินคดีกับราษฎรกลุ่มเกษตรกรทำไร่ห้วยน้ำหิน ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ขอให้มีการตรวจสอบและเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการปลูกป่าทดแทน ซึ่งได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณแต่มิได้มีการดำเนินการปลูกจริง ขอให้ยุตินโยบายการทวงคืนผืนป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ยากไร้ ยากจน และส่งเสริมให้ราษฎรเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน ต่อไปด้วย
ทางด้านนายไพศาล วิมลรัตน์ ผวจ.น่าน ได้กล่าวว่า จะขอรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวไว้ และจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบรายละเอียด และขอให้ทางอำเภอนาน้อย ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงทั้งหมด เสนอ ผวจ.น่าน และทางจังหวัดน่านจะได้นำเรื่องนำเสนอต่อไปยังทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อไป จากนั้นชาวบ้านก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน.