นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย "ชนะ ภูมี" ได้รับเลือกให้นั่งบอร์ดสมาคมปูนซีเมนต์และคอนกรีตโลกวาระ 2 เดินหน้าเร่งเชื่อมทุนสีเขียวและร่วมขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero 2050
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมปูนซีเมนต์และคอนกรีตโลก (Global Cement and Concrete Association: GCCA) ต่อเนื่องเป็นวาระที่ 2 (พ.ศ. 2568–2570) นับเป็นหมุดหมายสำคัญตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของประเทศไทยในเวทีสากลและสะท้อนความเชื่อมั่นจากซีอีโออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และคอนกรีตทั่วโลกต่อศักยภาพของไทยในการผลักดันความร่วมมือด้านการลดคาร์บอนอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ นายชนะจะมุ่งเดินหน้าสานต่อพันธกิจ Green Transition ผ่านการเชื่อมโยงทุนสีเขียว (Green Finance) และการนำเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำมาปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่บทบาทของ GCCA ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และคอนกรีตในระดับโลก การได้รับความไว้วางใจให้ไทยมีตัวแทนในองค์กรระดับโลกครั้งนี้ จึงถือเป็นสัญญาณบวกต่อการยกระดับศักยภาพของไทยและภูมิภาค พร้อมเสริมพลังให้การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ดำเนินไปอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น การเข้าทำหน้าที่ใน GCCA ยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยีและแหล่งทุนสีเขียวที่จำเป็นต่อการเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 พร้อมเสริมศักยภาพภาคอุตสาหกรรมไทยให้รับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้นผ่านเครือข่ายความร่วมมือระดับโลกทั้งด้านนโยบายและการเงิน เช่น UNIDO, World Economic Forum, Asian Development Bank และ GIZ เป็นต้น ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เทคโนโลยีดักจับ–ใช้ประโยชน์–กักเก็บคาร์บอน (CCUS) หรือ โครงการนำร่องลดการปล่อยคาร์บอน สู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม
...
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านความยั่งยืนในปัจจุบัน ทั้งการลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสะอาด (Innovation and Green Technology) และการเข้าถึงทุนสีเขียว (Green Finance) ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญกำหนดขีดความสามารถแข่งขันของประเทศในระยะยาว ดังนั้น การดึงดูดการลงทุนสีเขียวและสร้างความร่วมมือระดับโลกจึงมีความจำเป็น เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะ SMEs และชุมชนท้องถิ่น ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
นายชนะ กล่าวว่า การทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับโลกที่มีเป้าหมายลดคาร์บอนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อภาคอุตสาหกรรมไทย โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงโลก-อาเซียน-ไทยเข้าด้วยกัน ช่วยให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทย ลดคาร์บอน’อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งใช้การเปลี่ยนผ่านสีเขียวเป็นพลังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาวและนำประโยชน์จากเวทีโลกกลับมาสู่เศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ควบคู่กับบทบาทบนเวทีโลกตนยังทำงานเชิงยุทธศาสตร์ในหลายตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและประธานสภาผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน (AFCM) ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างไทย–อาเซียน–เวทีโลก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้สะท้อนความก้าวหน้าอย่างชัดเจน ทั้งการจัดทำ Thailand 2050 Net Zero Cement and Concrete Roadmap ซึทำให้ไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่มีแผนที่นำทางอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่ Net Zero 2050 การผนึกกำลัง 8 ประเทศผู้ผลิตปูนซีเมนต์อาเซียนในการประกาศ 2035 AFCM Decarbonization Roadmap เพื่อยกระดับการลดคาร์บอนทั้งภูมิภาคอาเซียน และการริเริ่มพัฒนาสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ นิเวศนวัตกรรมดำเนินงาน Public–Private–People Partnership ที่ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในทุกระดับอย่างเป็นรูปธรรม
"การได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อเนื่องใน GCCA เป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือ เทคโนโลยี และทุนสีเขียวจากเวทีโลกมาสู่ประเทศไทยและอาเซียน เพื่อช่วยกันเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างมั่นคงและเสริมความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว แม้จะมีก้าวหน้าดำเนินงาน แต่ยังคงต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและลงมือทำให้เร็วขึ้นและมีประสิทธิผลมากขึ้น เพื่อสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050 เชื่อมั่นว่า หากร่วมกันขับเคลื่อนด้วย Collaborative Mindset–Action–Value เชื่อมโยง–ต่อยอด–ขยายผลจากเวทีโลกกลับสู่ไทย จะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำของภูมิภาคได้อย่างภาคภูมิและทำให้อุตสาหกรรมไทย ‘ชนะไปด้วยกัน’ บนเส้นทางสู่อนาคตคาร์บอนต่ำที่ยั่งยืน" นายชนะ กล่าว