"มหาวิทยาลัยนครพนม" ร่วมจัดไหลเรือไฟโชว์จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว พร้อมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นอีกสถาบันการศึกษาของนครพนม ที่เห็นความสำคัญของการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น สำหรับ "มหาวิทยาลัยนครพนม" ทุกปีจะมีส่วนร่วมในการนำนักศึกษา ได้เรียนรู้สืบสานอาชีพศิลปินเรือไฟจากรุ่นสู่รุ่น ในการลงมือ ออกแบบสร้างสรรค์ ต่อเติมสร้างเรือไฟจากไม้ไผ่
สำหรับปีนี้ ได้ร่วมจัดเรือไฟโชว์ ขนาดความยาวถึง 52 เมตร และมีความสูง 15 เมตร ตกแต่งด้วยตะเกียงไฟกว่า 5,999 ดวง เพื่อไหลโชว์กระตุ้นเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกปีแรก ก่อนที่จะถึงวันประกวดไหลเรือไฟ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กันยายน – 8 ตุลาคม 2568 ส่วนวันไฮไลท์ของงานคือ คืนวันที่ 7 ตุลาคม 2568 จะมีการประกวดไหลเรือจากทั้ง 12 อำเภอ รวม 12 ลำ
ขณะที่เรือไฟนครพนม ถือเป็นงานประเพณีอันทรงคุณค่า สืบทอดมาแต่โบราณตามประเพณีความเชื่อ ความศรัทธา ถ่ายทอดกันมาเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ ใช้แรงงานคนทุกขั้นตอน ต่อเติมเรือไฟสร้างความสวยงามอลังการกลางแม่น้ำโขง ถวายเป็นพุทธบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามประเพณีความเชื่อ โดยปีนี้ได้รับการยกระดับสู่ไหลเรือไฟโลก กระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว หนุนนครพนมจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก
ศ.เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยว่า เรือไฟโชว์ มหาวิทยาลัยนครพนม จะเน้นให้นักศึกษา ที่มีความสนใจได้เรียนรู้ลงมือทำต่อเติมเรือไฟ แบบต้นตำรับศิลปินเรือไฟ ตั้งแต่การออกแบบลวดลาย การต่อเติมโครงสร้าง จนถึงขั้นตอนการติดตะเกียงดวงไฟ และจุดเรือไฟไหลโชว์ กลายเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกฝนลงมือปฏิบัติ และซึมซับภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
...
ส่วนการออกแบบลวดลาย ถูกออกแบบเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ ตรงกลางเป็นพระธาตุพนม หัวเรือประดับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ท้ายเรือเป็นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านล่างเป็นหอประชุมวชิรบพิตร ซึ่งเป็นหอประชุมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อให้ และสัญลักษณ์แห่งการครบรอบ 20 ปี มหาวิทยาลัยนครพนม
นอกจากความยิ่งใหญ่ของเรือไฟแล้ว ภายในซุ้มเรือไฟมหาวิทยาลัยนครพนม ยังจัดให้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมโดยนักศึกษา ร่วมกับเทศบาลเมืองนครพนม ถ่ายทอดผ่านบทเพลง การฟ้อนรำ และกิจกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์ลุ่มน้ำโขง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสรากเหง้าแห่งความงดงามที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
นายอดิเทพ ไชยฮด นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เปิดเผยถึงประสบการณ์การเข้าร่วมครั้งแรกว่า เขาทำหน้าที่เป็นคนส่งตะเกียงขึ้นไปแขวนบนเรือไฟ ได้เรียนรู้ทั้งการกรอกน้ำมันและการขึ้นนั่งร้าน ทุกขั้นตอนมีความท้าทาย แต่ถือว่าคุ้มค่า เพราะนี่คือประเพณีที่สะท้อนความเป็นนครพนมอย่างแท้จริง
ทางด้าน น.ส.นฤมล เนืองไชยศ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 กล่าวว่า แม้จะเป็นคนนครพนม แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจ เพราะงานไหลเรือไฟไม่ใช่เพียงงานประเพณี แต่เป็นวัฒนธรรมที่ผูกพันกับชุมชนมาอย่างช้านาน ใครที่นึกถึงงานไหลเรือไฟก็ย่อมนึกถึงจังหวัดนครพนมเป็นอันดับแรก ทุกขั้นตอนคือความศรัทธา ทั้งต่อพระธาตุพนม ต่อสถาบัน และต่อบ้านเกิด.