ปธ.วิสาหกิจปลูกกัญชาบ้านหนองมะกอก เผยรับได้ถ้ากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่ให้รัฐบาลช่วยเยียวยาโรงเรือน โรงอบ ที่ลงทุนไป 1 ล้านแห่ง รวมถึงสมาชิกกลุ่มทุกคนทั่วประเทศด้วย ที่ขณะนี้ ต้องหยุดปลูกกัญชา ขายต้นกัญชาออก ปล่อยโรงเรือนร้าง

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 จากกรณีที่มีสัญญาณว่าจะมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการเปิดกัญชาเสรีกันมาตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 คือวันที่ประเทศไทย ปลดล็อกกัญชา ออกจากสารเสพติดประเภทที่ 5 เป็นวันแรก แต่ยังคงเหลือเฉพาะสารสกัดจากกัญชง กัญชาที่มีปริมาณ THC เกิน 0.2% เท่านั้น ส่งผลให้ปัจจุบันบรรดากลุ่มผู้ปลูกกัญชาทั้งหลาย ต้องเริ่มเตรียมการรับมือปรับตัวในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมผู้ปลูกสมุนไพรทางการแพทย์ทั่วประเทศหลายแห่งที่ ขณะนี้ เริ่มยุติการปลูกกัญชา เพื่อรอดูว่า สุดท้ายแล้วกัญชาเสรี จะถูกดึงกลับเข้าไปอยู่ในระบบยาเสพติดเหมือนเดิมอีกครั้งหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์บ้านหนองมะกอก ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลหนองนางนวล อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี หนึ่งในวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์ หรือ กัญชา ที่ปัจจุบันต้องยุติการปลูกกัญชาและปล่อยโรงเรือนและโรงอบให้ทิ้งร้าง อย่างที่เห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งมูลค่าของโรงเรือนเพาะปลูกต้นกัญชา และโรงอบนี้ มีมูลค่ามากว่า 1 ล้านบาท ส่วนต้นกัญชาที่มีก็ทยอยจำหน่ายออกไป เหลือไว้แค่เพียงไม่กี่ต้น 

...

นายรพีรัฐ ถิระการ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์บ้านหนองมะกอก กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนของเรานั้น มีสมาชิกทั้งหมด 70 คน โดยวิสาหกิจชุมชนของที่นี่นั้นจะปลูกกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเก็บช่อดอกส่งให้กับทางโรงพยาบาล ส่วนอื่นๆ ของต้นกัญชานั้นก็ได้มีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แชมพู ยาหม่อง ลูกประคบ และสเปรย์ฉีดบำรุงเส้นผม ส่งขายตามโรงพยาบาล ร้านนวดแผนไทย และบูธช็อปต่างๆ

ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์บ้านหนองมะกอก กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกทุกคนจะมีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่าคนละ 10,000-20,000 บาท ไม่รวมกับเบี้ยปันผลรายปีอีก 8% ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ มีรายได้กันดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ตอนนี้เริ่มมีการเสนอให้กัญชากลับเข้าสู่ยาเสพติดอีกครั้งทางวิสาหกิจชุมชนแทบทุกที่ เริ่มยุติการปลูกกัญชาลงกันไปก่อน เพื่อรอดูว่าจะมีการดำเนินการกันไปในทิศทางใด ซึ่งต้นทุนของโรงเรือนปลูกนั้นมูลค่ามากกว่า 200,000 บาท ส่วนโรงอบนั้น มีมูลค่า 800,000 บาท 

"ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องดีที่จะนำกัญชากลับเข้าเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม เพราะน่าจะช่วยควบคุมการใช้กัญชาในกลุ่มนักเรียน เด็กและเยาวชนได้ รวมไปถึงผู้ที่เปิดขายเสรีและไม่ได้ขึ้นทะเบียนด้วยเช่นกัน แต่อยากให้ทางรัฐบาลคงของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเอาไว้ ให้เดินหน้าต่อเหมือนเดิม หรือหากจะต้องยุติเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเยียวยากลุ่มวิสาหกิจทุกกลุ่มที่ลงทุนกันไป" นายรพีรัฐ กล่าว.



...