ช่างศิลป์หนุ่ม 27 ปีหยุดงานหลัก ช่วยวัดโบสถ์คงคาล้อม อ.โชคชัย แกะขบวนเทียนพรรษา สืบสานประเพณีแห่เทียนพรรษาของ จ.นครราชสีมา โดยนำเรื่องราวของพระมหากัสสปะ โดยส่วนตัวเมื่อมีความรู้ก็อยากช่วยทำประโยชน์ให้ชุมชนบ้าง คาดต้นเทียนของวัดจะสูง 10 เมตร ยาว 18 เมตร ใช้เทียนราว 10 ตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดโบสถ์คงคาล้อม ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ชาวบ้านต่างพากันเร่งหล่อและแกะเทียนพรรษา เพื่อเข้าร่วมในงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาประจำปี 2567 ที่ทางเทศบาลตำบลโชคชัยจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ก.ค. นี้ ก่อนที่จะนำไปร่วมในงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาของทางจังหวัด ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีกลางเมืองโคราช ในระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค. 67 นี้ ซึ่งตอนนี้ทางขบวนต้นเทียนของวัดโบสถ์คืบหน้าไปแล้วประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากวัดแห่งนี้ ต้องเริ่มต้นในการทำขบวนรวมถึงต้นเทียนพรรษาแทบทั้งหมด เพราะเพิ่งได้ช่างหนุ่มวัยเพียง 27 ปี มาเป็นช่างแกะสลักเทียน หลังจากที่วัดแห่งนี้ไม่มีช่างแกะสลักเทียนมานานหลายปีแล้ว

ช่างหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า น้องโจ หรือ นายธนากร ชาวกล้า อายุ 27 ปี เป็นชาวบ้านดอนใหม่ ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งน้องโจนั้น จบจากโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย) มาเมื่อปี 2559 ในสาขาหัวโขนและแกะสลักไม้ หมวดงานศิลปกรรมไทยโบราณ ถนัดในงานแกะสลักหัวโขนและงานปักดิ้น ก่อนหน้านี้ได้เดินทางออกรับงานมาในหลายจังหวัด ก่อนที่จะมาทราบข่าวว่าที่วัดโบสถ์คงคาล้อมแห่งนี้ยังขาดช่างฝีมือมาช่วยในการแกะสลักเทียน จึงตัดสินใจเคลียร์งานทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อกลับมาช่วยงานที่วัด หวังว่าจะให้ทันงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาปีนี้
...

นายธนากร กล่าวว่า ตัวเองแม้ว่าจะมีความถนัดในเรื่องของการแกะสลัก แต่การแกะเทียนนั้นถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับตัวเองมาก เพราะการกะน้ำหนักมือค่อนข้างยาก และเทียนเองเป็นวัสดุที่อ่อนและลื่น ทำให้การแกะมีความเสี่ยงพลาดได้สูง รวมถึงการสร้างมุมมององค์ประกอบนั้นต้องใช้การจินตนาการภาพล่วงหน้า เนื่องจากขบวนเทียนมีความใหญ่และสูง จึงทำให้การสร้างองค์ประกอบมุมมองต้องมีความสัมพันธ์กับระดับและระยะสายตา นอกจากนี้การแกะสลักและทำขบวนต้นเทียนนั้น เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านทางงานศิลปะ ไม่เพียงแค่การแกะตามแบบ จึงจำเป็นที่ต้องใช้จินตนาการที่ซับซ้อนกว่างานศิลปะอื่นๆ

น้องโจ หนุ่มช่างศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญที่วัดแห่งนี้ไม่มีช่างแกะสลักเทียนมาหลายปี อุปกรณ์ต่างๆ ก็ชำรุดทรุดโทรมไปแทบทั้งหมด ดังนั้นทุกอย่างก็ต้องมาเริ่มกันใหม่ ไล่ตั้งแต่การแกะพิมพ์ลายเทียน การขึ้นโครงหุ่นประกอบขบวน รวมถึงรถขบวน เรียกได้ว่านับ 1 ใหม่เลยก็ว่าได้ จึงเป็นงานที่ยากและท้าทายตัวเองอย่างมาก และได้หยุดงานหลักมาช่วยวัดนี้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว

"สำหรับเรื่องราวของขบวนเทียนพรรษาที่จะสร้างสรรค์ขึ้นในปีนี้นั้น เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับ พระมหากัสสปะ หนึ่งในพระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า เป็นเอตทัคคะที่ทรงยกย่องให้ถือเป็นแบบอย่างในด้านผู้ทรงธุดงค์และสรรเสริญคุณแห่งธุดงค์ และเป็นพระอรหันต์ที่ได้เป็นประธานในการสังคายนาครั้งแรกในศาสนาพุทธ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่รวบรวมพระธรรมวินัยมาไว้ให้ศาสนาพุทธได้นำมายึดถือปฏิบัติภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน และได้นำเอาแนวคิดของพระมหากัสสปะที่ได้ตั้งปณิธานตัวเองให้เหมือนกับพญาหงส์ คือไม่ยึดติดและปล่อยวาง เพื่อให้ดับขรรค์ เหมือนเช่น พญาหงส์ที่ร่อนลงสระ แต่ไม่เคยคิดว่าสระนั้นเป็นของตน เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นได้ปล่อยวางกับกิเลสต่างๆ มุ่งหน้าสู่ปรินิพพาน" นายธนากร กล่าว
...

น้องโจ หนุ่มช่างศิลป์ กล่าวอีกว่า เรื่องราวนี้ก็จะได้นำมาประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่กำลังจะมีพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตราชลมารค จึงนำเอาหงส์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และรูปพญานาคที่เป็นสัญลักษณ์ของเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเป็นตัวแทนของปีมะโรง ซึ่งเป็นปีนักษัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 มาร่วมในขบวนด้วย โดยรถขบวนต้นเทียนพรรษาของวัดโบสถ์คงคาล้อมปีนี้ จะมีความยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 4.5 เมตร สูง 10 เมตร คาดว่าต้องใช้เทียนทั้งหมดไม่น้อยกว่า 10 ตัน

...
นายธนากร กล่าวด้วยว่า การที่ตัดสินใจมารับหน้าที่เป็นช่างแกะขบวนต้นเทียนพรรษาที่วัดนี้ ก็เนื่องจากตัวเองเป็นคนในชุมชน เมื่อมีความรู้ความสามารถ ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนบ้าง และยังจะสามารถช่วยสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม รวมถึงศิลปะแขนงนี้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น และเข้ามาศึกษาเรียนรู้ เพื่อรักษาไว้ให้คงอยู่คู่สังคมไทยต่อไปในอนาคตอีกทางหนึ่งด้วย.