ผู้ว่าฯ เลย เปิดงานเทศกาลชมทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโล ประจำปี 2567 โดยล่าสุดบานแล้ว 50-60% ด้าน ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวฯ กกสะทอน ยืนยันที่พักและรถนำเที่ยวพร้อมให้บริการ สามารถจองรถและสำรองที่พักได้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานการแถลงข่าว “เทศกาลชมทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโล” ประจำปี 2567 มีนายนที พรมภักดี นายอำเภอด่านซ้าย นายศานิต ปรากฎมาก ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย นายจริยาทร สูหู่ ผอ.ททท.เลย น.ส. ฐาปนีย์ ชะตางาม ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า หน.ส่วนราชการ นักท่องเที่ยว เข้าร่วมแถลงข่าว เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา 

ผวจ.เลย กล่าวว่า ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือดอกซากุระเมืองไทย ปลูกบนพื้นที่ของภูลมโล ในพื้นที่ของ อช.ภูหินร่องกล้า แห่งนี้ มีพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ จำนวนหลายแสนต้น พร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบาน แทบจะพร้อมกันทุกแปลงแล้ว คาดคะเนน่าจะผลิบานกว่า 50-60% ต้นนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกผลิบานให้ชมเพียงปีละครั้ง จนกลายเป็นทุ่งสีชมพู โดยทั่วไป จะเริ่มผลิบานในช่วงระหว่างต้นเดือนมกราคม ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจะค่อยๆ ร่วงโรย และแตกใบอ่อนเจริญเติบโต ให้ชมอีกครั้งในปีหน้า จึงอยากจะขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ให้ได้เดินทางมาชมทุ่งดอกพญาเสือโคร่ง วิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมสัมผัสอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีบนพื้นที่ที่อยู่สูงประมาณ 1,400-1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล

...

ด้าน นายจริยาทร ผอ.ททท.เลย กล่าวว่า ในพื้นที่ของ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย ยังมีสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ที่อยู่ไม่ไกลกับภูลมโล นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อใช้บริการของชมรมฯ ให้พาไปเที่ยวชมได้ นั่นก็คือ “ภูพระ” ซึ่งเป็น 1 ใน 25 แห่ง ของสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกภายใต้แคมเปญ “25 UNSEEN New Series” ของ ททท. โดยปัจจุบันบนภูพระมีพระพุทธรูปจำนวน 70 องค์ประดิษฐานอยู่ และอุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง สมรภูมิของพระราชา ในการสู้รบต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 เป็นพระราชกรณียกิจอันห้าวหาญของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทำให้พสกนิกรได้แซ่ซ้อง ทรงเป็น “มิ่งขวัญ” ให้แก่ชาวไทยทุกหมู่เหล่า โดยทั้งภูพระ และอุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ ออกไปเพียงประมาณ 10 กม.

ขณะที่ นายลำยอง กล่าวว่า อช.ภูหินร่องกล้า มีพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด นอกจากทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลแล้ว ยังมีจุดอื่นที่ไม่ควรพลาดที่นักท่องเที่ยวจะไปเช็กอินกัน อาทิเช่น ยอดภูลมโล ถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของภาคอีสาน มีความสูงประมาณ 1,664 เมตร จากระดับน้ำทะเล หรือจะเป็นเนิน “ฟ้าสางที่ภูลมโล” จุดชมวิวที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,542 เมตร ที่อยากชวนนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสบรรยากาศ รับลมหนาว และทัศนียภาพของธรรมชาติที่สุดงดงาม และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยไม่แพ้ที่ใดๆ อีกด้วย

หัวหน้า อช.ภูหินร่องกล้า กล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาจากฝั่งด้าน อ.ด่านซ้าย จ.เลย สามารถเลยไปเที่ยวในฝั่งของหมู่บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่บ้านชาวม้ง ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมเรียกว่า “หมู่บ้านญี่ปุ่น” โดยจะมีจุดชมวิวหมู่บ้านที่อยู่บริเวณเนินด้านหลังวัดป่าภูหินร่องกล้า ที่เมื่อมองลงไปที่บ้านร่องกล้า ในช่วงที่ต้นนางพญาเสือโคร่งผลิบานในช่วงนี้ จะมีทิวทัศน์ที่สวยงามคล้ายกับหมู่บ้านญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวยังสามารถไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ภายใน อช.ภูหินร่องกล้า อาทิเช่นเป็น โรงเรียนการเมืองการทหาร ทุ่งดอกกระดาษ ลานหินปุ่ม หรือนักท่องเที่ยวจะเลยไปเที่ยวและพักผ่อนที่หมู่บ้านทับเบิก ด้านฝั่ง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ก็ถือว่ามาครั้งเดียวได้เที่ยว 3 จังหวัดด้วย ซึ่งทาง อช.ภูหินร่องกล้า อยากฝากบอกกับทุกคนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ของภูลมโลหรืออุทยานฯ ว่าอยากให้ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับต่างๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อไม่เป็นการรบกวน และทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสัตว์ป่า แม้กระทั่งไม่รบกวนหรือละเมิดกับนักท่องเที่ยวด้วยกันเอง เพื่อให้ธรรมชาติของภูลมโล และ อช.ภูหินร่องกล้า สวยงามตลอดไป

...

ส่วน นายชัยณรงค์ สุภาษิ นายก อบต.กกสะทอน ในนามชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวฯ กกสะทอน เปิดเผยว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ติดต่อสอบถามข้อมูล และเดินทางมาชมความงามของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งในแต่ละวัน ที่ได้เดินทางขึ้นไปจากฝั่งทางด้าน อ.ด่านซ้าย เฉลี่ยแล้วกว่า 200 คน/วัน และจะมากขึ้นช่วงวันหยุด เสาร์- อาทิตย์ 2-3 เท่าตัว ทางชมรมฯ ได้กำชับกับเครือข่ายสมาชิกทั้งรถบริการนำเที่ยว ที่พักโฮมสเตย์ จุดกางเต็นท์ ร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึก รวมทั้งชุมชนต่างๆ ให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างมีมิตรไมตรี บริการด้วยใจยิ้มแย้มแจ่มใส และพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยขึ้นมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ชมรมท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน ที่อยู่ภายในบริเวณ อบต.กกสะทอน

...

สำหรับปีนี้จะมีรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อให้บริการนำเที่ยวจำนวน 60 คัน และสแตนด์บายอีก 40 คัน รวม 100 คัน นั่งได้ไม่เกิน 10 คน/คัน ค่าบริการคันละ 1,500 บาท หรือนักท่องเที่ยวที่มาไม่ถึง 10 คน สามารถรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นได้ ส่วนที่พักที่รองรับจะเป็นแบบโฮมสเตย์ 14 แห่ง แบบกึ่งรีสอร์ต 5 แห่ง และจุดกางเต็นท์ 4 แห่ง และชมรมฯ ของเรายังมีการประกันอุบัติเหตุฟรีให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย ทั้งนี้สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือวางแผนการเดินทาง และจองรถได้ที่ชมรมท่องเที่ยวกกสะทอน โทร. 06-2557-0912 หรือแชตส่งข้อความติดต่อสอบถามได้อีกหนึ่งช่องทางที่ เฟซบุ๊ก : ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน.