ชาวชุมชนคุ้มวัดแจ้ง อ.เมืองอุบลฯ เร่งมือแกะลงรอยของแม่พิมพ์ต้นเทียนพรรษาแบบติดพิมพ์ เพื่อนำไปประดับต้นเทียน เพื่อเร่งให้เสร็จทันโชว์วันงานแห่ต้นเทียนพรรษา 1 ส.ค. ที่ทุ่งศรีเมือง หอการค้าฯ คาดงานปีนี้คนจะมาเที่ยวจะคึกคัก หลังผ่านโควิด-19 เงินสะพัดกว่า 300 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวชุมชนคุ้มวัดแจ้ง ทั้งวัยหนุ่มสาว และสูงอายุหลายสิบคน รวมทั้งพระภิกษุ พร้อมใจกันเร่งมือแกะลงรอยของแม่พิมพ์ต้นเทียนพรรษาแบบติดพิมพ์ เพื่อนำไปติดประดับบนต้นเทียนที่ช่างได้วางโครงเอาไว้ ให้เสร็จทันโชว์วันงานแห่ต้นเทียนพรรษา เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวจะถึงวันงานแล้ว โดยปีนี้ทางวัดทำต้นเทียนพรรษาเล่าเรื่องถึงความเพียรของพระมหาชนกที่ว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทร หลังเรือเกิดอับปาง โดยไม่รอความช่วยเหลือ ซึ่งต้นเทียนได้ทำไปแล้วกว่าร้อยละ 70 และทางวัดมั่นใจจะเสร็จสมบูรณ์ทันโชว์วันแห่แน่นอน

...

พระมหากิตติศักดิ์ สังวะโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแจ้ง หนึ่งในช่างทำต้นเทียนพรรษาบอกว่า การทำต้นเทียนพรรษานอกจากเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมากว่าร้อยปี ยังเป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนในคุ้มวัดที่มารวมตัวกันกินข้าวก้นบาตร ก่อนช่วยกันลงแรงทำต้นเทียนติดพิมพ์นี้ขึ้นมา ซึ่งได้ทั้งบุญกุศลและความสามัคคี พร้อมต้นเทียนอธิบายถึงพุทธชาดก และพุทธประวัติ ไม่ได้เน้นความสวยงามอย่างเดียว

สำหรับงานแห่ต้นเทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี ปีนี้ จะรวมต้นเทียนพรรษาที่จัดทำขึ้นทั้ง 3 แบบ คือ 1. ต้นเทียนแบบติดพิมพ์ ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ 2. ต้นเทียนแบบแกะสลัก ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และ 3. ต้นเทียนโบราณ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2566 รอบสวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง และจะทำการแห่ต้นเทียนไปรอบเมืองในวันที่ 2 สิงหาคม จากนั้นจะประกาศผลการประกวดต้นเทียนพรรษาทั้งหมด ส่วนต้นเทียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศทุกประเภท จะถูกนำกลับมาตั้งโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงดงามวิจิตรตระการตาที่สวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง

ขณะที่ นายมงคล จุลทรรศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ได้คาดการณ์ว่างานแห่ต้นเทียนพรรษา และช่วงเข้าพรรษาปี 2566 จังหวัดอุบลราชธานีจะมีนักท่องเที่ยวแห่เข้ามาเที่ยวมากกว่าปีที่ผ่านมา ช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากผ่านพ้นสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 โดยจะมีเงินสะพัดราว 300 ล้านบาท.