กองทัพเรือ ประณามกัมพูชาขัดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศร้ายแรง ลักลอบวางทุ่นระเบิด ดัดแปลงจากหัวกระสุนปืนใหญ่ วางระบบสายไฟเชื่อมต่อ ลักษณะจุดระเบิดพร้อมกัน ตรงพื้นที่บ้านสามหลัง 

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ขอประณามการกระทำของกำลังทหารกัมพูชา ที่ได้ลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดัดแปลงจำนวนมากในพื้นที่ฐานปฏิบัติการบริเวณบ้านหนองรี (บ้านสามหลัง) ต.ชำราก จ.ตราด ซึ่งเป็นดินแดนของราชอาณาจักรไทย อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง 

โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) สามารถเข้าควบคุมพื้นที่และขับไล่กำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ดังกล่าวได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดทหารเรือ (นปท.ทร.) ร่วมกับทหารช่างของ กปช.จต. ได้เข้าดำเนินการตรวจค้นและเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ฐานที่มั่นเดิมของฝ่ายกัมพูชา และตรวจพบหลักฐานที่น่าตกใจ ได้แก่ 1. เอกสารภาษากัมพูชาเกี่ยวกับวิธีการใช้และคุณลักษณะของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ประเภท PMN-2 และ POMZ-2 2. ระเบิดแสวงเครื่อง (Improvised Explosive Device : IED) จำนวน 3 ลูก 3. สรรพาวุธและวัตถุระเบิดที่ถูกละทิ้ง จำนวนกว่า 340 รายการ 4. การนำหัวกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 มิลลิเมตร มาดัดแปลงเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พร้อมชนวนไฟฟ้า และการวางระบบสายไฟเชื่อมต่อไปยังจุดกดระเบิดในลักษณะการระเบิดพร้อมกัน

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า จากรูปแบบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบดัดแปลงดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึง เจตนาของทหารกัมพูชาโดยตรงในการมุ่งทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตของทหารไทย และอาจส่งผลกระทบต่อพลเรือนในพื้นที่โดยไม่เลือกเป้าหมาย อันเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน 

...

นอกจากนี้วัตถุพยานที่พบยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดสามารถตรวจพบและเก็บกู้ได้ คาดว่ายังคงมีฝังอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวเป็นพฤติการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคมระหว่างประเทศ และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยุติการกระทำใด ๆ ที่เป็นภัยต่อชีวิตของกำลังพลและประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยทันที