จับได้ 4 คน แก๊งลักลอบขุดดินร่อน "แร่ทองคำ" บริเวณป่าปิล๊อกคี่ เขตอุทยานทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่เหลือไหวตัวทัน ทิ้งของกลางโทรศัพท์ อาวุธปืน กระสุน รวมกว่า 40 รายการ
วันที่ 17 พ.ย. 68 นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้มอบนโยบายเน้นย้ำให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่ ทำไม้และล่าสัตว์ป่า และให้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนเพื่อพิทักษ์ผืนป่าอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีการเข้าไปบุกรุกขุดดินร่อนแร่ทองคำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำสำคัญของประเทศคือป่าลุ่มน้ำชั้น 1 A โดยให้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการปราบปรามบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด นั้น
นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข กล่าวว่า ล่าสุดวันที่ 15 พ.ย. 68 ตนพร้อมด้วยคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งอำเภอทองผาภูมิ ที่ 329/2567 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ภายใต้การอำนวยการโดย นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร่วมกันออกลาดตระเวนปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา
...
จนกระทั่งเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจากกล้องวงจรปิด จากการตรวจสอบพบกลุ่มบุคคลเป็นชาย ประมาณ 15 ราย มีทั้งอาวุธปืนยาวและอาวุธปืนพกสั้น เดินเท้าเข้าไปในพื้นที่แปลงตรวจยึดเนื้อที่ 13-3-68 ไร่ บริเวณป่าปิล๊อกคี่ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก ท้องที่หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อลักลอบขุดดินร่อนหาแร่ทองคำ เจ้าหน้าที่จึงเดินเท้ามุ่งหน้าไปที่พิกัดดังกล่าว พร้อมวางแผนเข้าจับกุม จนเวลา 23.30 น. ก็เดินทางไปถึง จากนั้นจึงวางแผนปิดล้อมและดักซุ่มดูพฤติกรรม แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้นมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย
โดยเจ้าหน้าที่เฝ้ารอดูพฤติกรรมอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งทุกคนแยกกลุ่มออกจากกัน แล้วเดินลงไปขุดดินในหลุมที่มีอยู่แล้ว เมื่อได้จังหวะที่เหมาะสมเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าปิดล้อมเพื่อจับกุม แต่เนื่องจากห้วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงกลางคืน อีกทั้งมีการกระจายลงไปในหลุมหลายหลุม ทำให้กลุ่มบุคคลที่อยู่ในหลุมต่างๆ ไหวตัวทัน ก่อนที่จะอาศัยความมืดและความชำนาญเส้นทางวิ่งฝ่าวงล้อมหลบหนีไปคนละทิศละทาง โดยไม่ได้นำทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่ใช้กระทำผิดหลายรายการติดตัวไปด้วย
แต่ยังมีชายอีก 4 ราย ไม่สามารถหลบหนีไปได้ เนื่องจากหนีขึ้นมาจากหลุมไม่ทัน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้คาหลุมขุดดินร่อนหาแร่ทองคำ ทราบชื่อชายทั้ง 4 ประกอบด้วย 1. นายอาว อายุ 35 ปี 2. นายออง ลวิน ฟิโอ อายุ 30 ปี 3. นายจอแล อายุ 44 ปี ทั้ง 3 เป็นชาวพม่า และ 4. นายตูหละ ชาวกะเหรี่ยง อายุ 45 ปี อาศัยอยู่บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ
จากการตรวจสอบโดยรอบ พบสิ่งของรวมถึงกระเป๋าใส่เงินของกลุ่มบุคคลที่วิ่งหลบหนีถูกทิ้งไว้บริเวณปากหลุมหลายรายการ ภายในกระเป๋ามีบัตรประจำตัวประชาชนพลเมืองของประเทศเมียนมา 5 ราย ประกอบด้วย 1. นายมาวตุยเอ สัญชาติกะเหรี่ยง 2. นายซอเลทู สัญชาติพม่า 3. นายซอแอะแล สัญชาติพม่า 4. นายเต๊ะไปอู สัญชาติพม่า และ 5. นายซอเนเนวา สัญชาติพม่า
ส่วนของกลางที่ตรวจยึดเอาไว้ได้รวม จำนวน 40 รายการ เช่น โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง ไฟฉายคาดศีรษะ ชะแลงเหล็ก กระสอบปุ๋ยสำหรับบรรจุดินแร่ทองคำ ธนบัตรชนิด 10,000 จ๊าด จำนวน 30 ใบ ธนบัตร 500 จ๊าด 1 ใบ และ 50 จ๊าด 2 ใบ วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง อาวุธปืนยาวลูกกรด (แบบไทยประดิษฐ์) 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 LR จำนวน 10 นัด เป็นต้น
...
หลังจากเจ้าหน้าที่รวบรวมของกลางแล้วเสร็จ จึงเคลื่อนย้ายพร้อมนำตัว 4 ผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ แต่กว่าจะมาถึง ต้องให้ผู้ต้องหานั่งพักเป็นช่วงๆ เนื่องจากเส้นทางเดินนั้นขึ้นลงภูเขาสูงชันและสลับซับซ้อน หลังจากจัดทำบันทึกเรื่องราวแล้วเสร็จจึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ใน 7 ข้อกล่าวหา ดังนี้
1. ฐานร่วมก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคสอง ประกอบมาตรา 55
2. ฐานร่วมกันยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ต้นน้ำลำธารโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 วรรคสอง (3)
...
3. ฐานร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19(1) ประกอบมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
4. ฐานร่วมกันเก็บหา กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งดิน หิน กรวด ทราย แร่ หรือทรัพยากรอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19 (2) และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
5. ฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19 (6) และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562
6. ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45
และ 7. ฐานความผิดเรื่องอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการฐานความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
...