ผู้ว่าฯ สระแก้ว ขอโทษแล้ว หลังทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ปมพื้นที่ "บ้านหนองจาน" ยันพร้อมออกโฉนดให้ผู้มีสิทธิทุกราย หนึ่งในชาวบ้านเผย พร้อมให้อภัยหากพูดออกมาจากใจจริง ย้ำหากไม่มีเอกสารสิทธิ์ ก็คงไม่กล้าออกมาเรียกร้องตั้งแต่แรก

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กจังหวัดสระแก้ว หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของจังหวัดสระแก้ว ได้เผยแพร่ภาพข้อความขอโทษของนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว หลังที่ได้มีการพูดถึงที่ดินในพื้นที่ชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่าเป็นพื้นที่ป่า ไม่มีใครมีเอกสารสิทธิ์ จนเกิดเป็นประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านที่ถือเอกสารสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว และมองว่าอาจจะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบกัมพูชาในการตกลงพื้นที่พิพาท จนกลายเป็นประเด็นกันนั้น

โดยระบุว่า "...ผมกราบขอโทษพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ทําให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อําเภอโคกสูง ทั้งนี้ ผมขอยืนยันว่าพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อําาเภอโคกสูง อยู่ในราชอาณาจักรไทยประชาชน ผู้มีหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ใบจอง (ส.ค.2) และหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3) บริเวณบ้านหนองจาน และบริเวณหลัก เขตแดนที่ 45-49 สามารถยื่นคําขอออกโฉนด ที่ดินต่อเจ้าหน้าที่ ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศได้ โดยเจ้าหน้าที่จะดําเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่มีสิทธิทุกราย ภายใต้อํานาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนด..."

...

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับ นางสมพร จันทะศร อายุ 50 ปี ชาวบ้านผู้เสียสิทธิ์ที่ดิน เผยความรู้สึกว่า ตนเคยเสียใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดจากผู้ว่าฯ ที่ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าและไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เมื่อผู้ว่าฯ ออกมาขอโทษก็รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง ที่ยังเห็นถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน

"ถ้าสิ่งที่ท่านพูดออกมาจากใจจริงๆ ชาวบ้านทุกคนก็พร้อมจะให้อภัย แต่ก่อนที่ท่านจะพูดอะไรออกไป อยากให้ท่านลงพื้นที่จริง มาคุยกับพวกเราจริงๆ เพราะคำพูดนั้นมันทำให้ชาวบ้านเสียใจมาก" พร้อมฝากอีกว่า หากไม่มีเอกสารสิทธิ์จริงๆ ชาวบ้านคงไม่กล้าออกมาเรียกร้องตั้งแต่แรก

ด้าน นายสาคร สิทธิพล อายุ 69 ปี อดีตผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่ ยืนยันว่า ที่ดินทุกแปลงในบริเวณบ้านหนองจานมีเอกสารสิทธิ์จริงทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การออกมาขอโทษ และยืนยันสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ถือเป็นสัญญาณที่ทำให้ชาวบ้านมีความหวังมากขึ้นว่าจะสามารถทวงคืนสิทธิ์ในที่ดินทำกินที่ถูกละเมิดไปหลายสิบปีได้ในที่สุด.