ชาวกัมพูชากลับบ้านน้อยลง ลั่นไม่อยากกลับไปเป็นทหาร รู้สึกหนักใจถ้าต้องสู้รบกับคนไทย พูดเองกัมพูชาไม่จริงใจ ต้องกลับเพราะกลัวถูกยึดที่ดินทำกิน


วันที่ 7 ส.ค. 68 ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ประชาชนชาวกัมพูชาทยอยเดินทางข้ามแดนเบาบางลง ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่า วันนี้มีจำนวนชาวกัมพูชาเดินทางกลับบ้านไม่ถึง 2,000 คน


ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน มีประชาชนชาวกัมพูชารอข้ามแดนอยู่ประมาณ 13,000 คน ซึ่งเป็นปริมาณที่ลดลงจากเมื่อวานนี้กว่าครึ่งหนึ่ง ประกอบกับมีการปรับระบบใหม่ให้ชาวกัมพูชาทั้งหมดที่รอเดินทางข้ามกับประเทศ ต้องผ่านพิธีการทาง ตม. ก่อนทุกคน จึงทำให้การระบายคนออกเป็นไปด้วยความล่าช้ากว่าปกติ

นายมอล อายุ 17 ปี ชาวกัมพูชา ทำงานก่อสร้างอยู่จังหวัดชลบุรี ให้ข้อมูลว่า ถ้าตนเองกลับไปและต้องไปเป็นทหารก็ต้องไป ส่วนไปเป็นแล้วจะมาสู้รบกับคนไทยไหม นายมอลตอบไม่ได้...

...


นายสะแวด อายุ 26 ปี ชาวกัมพูชา มาจากจังหวัดสมุทรสาคร ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ตนเองต้องกลับ เนื่องจากทางญาติโทรตาม และกลัวจะถูกยึดที่ดินทำกินคืน ได้กล่าวชัดเจนว่า “ทางฝั่งกัมพูชาไม่จริงใจเลย” ถ้าตนเองจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ก็จะต้องคิดดูก่อน เนื่องจากต้องดูแลแม่ ดูแลลูกเมีย แต่ถ้าต้องไปเป็นทหารตนเองคิดไม่ออก รู้สึกหนักใจ แต่ถ้าเหตุการณ์สงบลงตนเองจะกลับมาประเทศไทยอีก


ด้านนายวสันต์ พูลภิรมย์ อายุ 30 ปี ผู้ประกอบการรถตู้ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลากอบโกยรายได้ ออกรถจากกรุงเทพตั้งแต่ 2 ทุ่ม มาถึงชายแดนประมาณตี 4 มีรายได้หลายพันบาทต่อวัน บางวันถึงขั้นเป็น 10,000 บางวันมีวิ่งต่อเนื่อง ส่วนการรับจ้างแล้วแต่ตกลงกับลูกค้าว่าจ้างไปลงที่ใด ไม่จำกัดขอให้ได้กลับบ้าน


ด้านนายพิมล สิทธิเวช เกษตรกร กล่าวว่า วันนี้มาส่งชาวกัมพูชาที่ตนเองดูแลอยู่ และยังคงมีอยู่ในความดูแลอีกจำนวน 15 คน บอกว่า ตนเองรู้สึกเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากขาดแคลนแรงงาน และรู้สึกกังวลใจ เนื่องจากมีการเสียค่าใช้จ่ายในการต่อและทำเอกสารต่างๆ ไปแล้ว อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน โดยการหางานมาทดแทนให้เร็วที่สุด เนื่องจากธุรกิจทางด้านเกษตรเป็นอาชีพที่ต้องทำไปตามฤดูกาล อยากให้รัฐบาลเห็นวิกฤติในเรื่องของเกษตรกร.

...



เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นี่