สธ.ระยอง ชี้แจงกรณี รพ. รักษาผู้ป่วยถูกงูพิษกัด เผยล่าสุด พบสัญญาณชีพปกติ แต่ยังคงใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเล่าว่า ลูกน้องโดนงูกัดตั้งแต่ตีหนึ่ง พอไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอเจาะเลือดหมอบอกให้กลับบ้านเพราะในเลือดไม่มีพิษ โดยให้เพียงยาปฏิชีวนะกับแก้ปวด แล้วบอกกับแม่เด็กว่า 9 โมงให้มาใหม่ แต่ยังไม่ทัน 9 โมง ผู้ป่วยพูดไม่ได้หายใจไม่ออก ลิ้นคับปาก ตาหลับลืมตาไม่ขึ้น รีบส่งโรงพยาบาล ไปเจาะเลือดใหม่ ผลเลือดออกมาพบว่าโดนงูมีพิษกัด ทำให้หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 สํานักสารนิเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลกับ นพ.ภัทรนนท์ บุณยอุดมศาสตร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล พบว่าการเสนอข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อโรงพยาบาลอย่างมาก
โดยผู้ป่วยชายอายุ 18 ปี รายนี้ ได้มารับบริการที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 02.20 น. ให้ประวัติว่าถูกงูกัดตอน 01.40 น. ไม่ทราบชนิดของงู แพทย์ตรวจพบรอยแผลถลอกที่นิ้วก้อยมือขวา ไม่บวม ไม่มีอาการของพิษทางระบบประสาทและระบบเลือด ได้ตรวจวัดสมรรถภาพการหายใจและตรวจเลือดดูความผิดปกติที่เกิดจากพิษงู ตามแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยถูกงูพิษกัดของกรมการแพทย์ ซึ่งผลการตรวจทั้งหมดปกติ ได้ให้ผู้ป่วยนอนสังเกตอาการประมาณ 2 ชั่วโมง จนถึงเวลา 04.15 น. ยังไม่พบอาการผิดปกติ จึงให้ยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวด พร้อมทั้งอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยนัดให้มาพบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินในตอนเช้า เพื่อติดตามอาการและตรวจเลือดดูความผิดปกติที่เกิดจากพิษงูอีกครั้ง
...
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ช่วงเช้ามารดาสังเกตว่าผู้ป่วยมีหนังตาตก กลืนลำบาก ดูซึมลง จึงพามาโรงพยาบาล เวลา 08.14 น. ผู้ป่วยพูดคุยได้ แจ้งว่ามีอาการปากชา ลิ้นชา ประมาณ 06.00 น. แพทย์ตรวจร่างกายพบว่าสมรรถภาพการหายใจปกติ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดปกติ มีอาการหนังตาตก ซึ่งเป็นอาการแสดงของพิษทางระบบประสาท จึงวินิจฉัยว่าถูกงูที่มีพิษทางระบบประสาทกัด และใส่ท่อช่วยหายใจป้องกันปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง พร้อมทั้งประสานส่งต่อโรงพยาบาลระยอง เพื่อให้เซรุ่มต้านพิษและเข้ารับการรักษาใน ICU
โดยโรงพยาบาลระยองได้ให้เซรุ่มต้านพิษทางระบบประสาท 1 โดส เมื่อ 24.00 น. คืนที่ผ่านมา อาการล่าสุดเช้าวันนี้ (8 พฤษภาคม 2568) ผู้ป่วยสัญญาณชีพปกติ ยังคงใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียูเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ โรงพยาบาลจะได้มีการสื่อสารกับญาติ และนายจ้างของผู้ป่วยเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบนายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์ สสจ.ระยอง เผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าได้รับรายงานจาก รพ.วังจันทร์ในช่วงเช้าว่ามีกรณีชายอายุประมาณ 18 ปี เป็นวัยรุ่นได้เข้ารับบริการโดยให้ข้อมูลจากประวัติว่าถูกงูพิษกัดที่บ้านพักและเข้ารักษาตัวใน รพ.วังจันทร์ ช่วงประมาณเวลาตี 2 ของวันที่ 7 เม.ย. จากที่ท่านผู้อำนวยการ รพ.วังจันทร์ รายงานมาทางทีมแพทย์พยาบาลให้การตรวจรักษา

ซึ่งจากผลการตรวจเบื้องต้นตอนงูกัดใหม่ ๆ พบว่าอาการทั่วไปเป็นปกติไม่มีอาการทางเลือดหรือระบบประสาท ซึ่งเป็นผลแสดงของการถูกงูพิษกัดแต่อย่างไร ซึ่งก็ได้มีการเฝ้าสังเกตอาการจนถึงตี 4 จนกระทั่งสังเกตอาการแล้วเห็นว่าไม่มีอาการทางระบบประสาทหรือเลือด จึงให้คำแนะนำพร้อมกับให้ยาผู้ป่วยไปทานที่บ้าน ถ้ายังมีอาการทางระบบประสาทก็ให้รีบมา รพ. และถ้าช่วงเช้ายังมีอาการอยู่ก็ได้นัดหมายทำการตรวจติดตามเจาะเลือดเพื่อประเมินภาวะพิษ
ต่อมาช่วงเช้า 8 โมง ผู้ป่วยเดินมา รพ. และบอกว่ามีอาการหนังตาตก พูดจาไม่ค่อยชัด ทางแพทย์พยาบาลจึงทราบว่าได้รับพิษจริงจากงูที่มากัด จึงรีบประเมินเห็นมีอาการทางระบบประสาท ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง จึงได้รีบใส่ท่อหายใจและให้ยาในเบื้องต้น ก่อนที่จะรีบประสาน รพ.ระยองส่งตัวผู้ป่วยมารักษา
จากนั้นทีมแพทย์ที่ได้ทำการรักษาตัวไว้ที่แผนกไอซียู ทางทีมแพทย์ก็ให้เซรุ่มเป็นระยะ ๆ หลังจากให้ยาเซรุ่มไปหนึ่งวันเศษ ๆ ผู้ป่วยสามารถขยับแขนขาได้ตามปกติ หมายความว่าอาการดีขึ้น คาดว่าอีกวันสองวันก็น่าจะหายใจเป็นปกติถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น นำท่อหายใจออกได้
ส่วนทางญาติพี่น้องของผู้ป่วย ก็จะได้เชิญเข้ามาพูดคุยว่ามีประเด็นตรงไหนที่ขัดข้องใจ ทางทีมแพทย์และผู้อำนวยการ รพ.วังจันทร์จะมีการสื่อสารเพิ่มเติมและหาแนวทางมาตรการป้องกันในการรักษาประชาชนทุกคน