แม่เศร้า ลูกชายอายุ 18 ปี สมัครใจเป็นทหารเกณฑ์หวังไต่เต้านายสิบ ครั้งแรกไม่ผ่านเพราะน้ำหนักเกิน สู้ลดน้ำหนักลง 10 กก.จนผ่าน สุดท้ายถูกครูฝึกค่ายนวมินทร์ ชลบุรี ทำโทษซ่อมวินัยบาดเจ็บบอบช้ำหนักจนเสียชีวิต หมอเอกซเรย์พบกระดูกสันหลังหัก ครูฝึกจะหนีข้ามไปสปป.ลาว แต่ผู้พันแจ้งจับได้ก่อน แม่ประกาศทวงความยุติธรรมให้ลูก รอดูความคืบหน้า หลังต้นสังกัดขังผู้เกี่ยวข้อง 13 นาย ในเรือนจำค่าย พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนถึงแก่ความตาย


กรณีเฟซบุ๊ก ชื่อ Nitchanan Wangkahat น้ำ นิชนันท์ ซึ่งเป็นอดีตผู้ลง สส.เขต 10 สัตหีบ จ.ชลบุรี (นางสาวนิชนันท์ วังคะฮาต) ได้โพสต์ข้อความ ระบุ เรื่องของ ทหารเกณฑ์ ชลบุรี โดนซ้อมจากการซ่อมวินัยเสียชีวิตทำพิธีเผาศพเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวาน ไม่ได้ไปร่วมงานเผาเพราะติดงานเผาศพอีกงาน แต่ได้ไปร่วมฟังงานสวดพระอภิธรรม พร้อมพูดคุยรายละเอียด กับพ่อแม่ ของ น้องเน หรือ นายวรปรัชญ์ พัดมาสกุล อายุ 18 ปี ทหารเกณฑ์แบบสมัครใจไปเอง ที่ถูกซ่อมวินัย จนเสียชีวิต ขอเล่ารายละเอียดจากที่ฟังเรื่องราวกับพ่อแม่มา 


1. น้องเน เกิดที่บ้านโรงโป๊ะ บางละมุง เป็นลูกชายคนโต อายุ 18 ปี พ่อแม่แยกทางตั้งแต่ น้องเน อายุ 2 ขวบ ต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ น้องเน อยู่และเติบโตกับแม่ และยาย ส่วนพ่อถึงแม้แยกทางกันก็ส่งเสียเลี้ยงดูน้องเนมาทำหน้าที่พ่อที่ดีเสมอมา 2. แม่น้องเน ทำงานประจำ เป็นลูกจ้างบริษัท และตอนเช้ามืดจะทำขนมไปขายที่ตลาดสด เพื่อหารายได้เสริมมาเลี้ยงครอบครัว น้องเน มักช่วยแม่ทำขนม และช่วยแม่ขายด้วย จนพอโตเป็นวัยรุ่น ก็เลิกช่วยมาขาย แต่ช่วยแม่เลี้ยงน้อง 2 คนอยู่บ้าน และมีรายได้จากขายเกมของเขาเอง 3. ปกติน้องเนเป็นคนเรียบร้อยๆ ไม่ค่อยพูด บุคลิกอาจจะทำอะไรช้าหน่อย ไม่ใช่คนใจร้อนหรือทำอะไรเร็วๆ เรียนชั้น ปวช.ใกล้จะจบ แล้วดร็อปไว้ พออายุครบ 17 ปี เป็นชายสัญชาติไทยต้องไปขอขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน หรือ ใบ สด.9 น้องเนก็ได้พูดคุยเรื่องเกณฑ์ทหารกับสัสดี น้องเนเป็นคนตัวใหญ่ สูง สัสดีก็แนะนำว่า รูปร่างเหมาะน่าสมัครไปเป็นทหารอาชีพ ทำให้ น้องเน ก็สนใจ 4.พออายุครบ 18 ปี ไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพื่อฝันอยากมีโอกาสต่อยอด ได้เป็นทหารอาชีพเป็นนายสิบต่อ จะได้มีงานทำที่มั่นคง พร้อมจะเรียนต่อไปด้วย ในอนาคต จะได้ช่วยแบ่งเบาช่วยเหลือแม่ได้ 

...


5. เดือน พ.ย 66 ไปสมัครเป็นเกณฑ์ทหารช่วงแรกมวลร่างกายไม่ผ่าน สัดส่วนน้ำหนักกับส่วนสูงเกิน ทำให้ น้องเน กลับมาลดน้ำหนัก อีก 10 กก. เพื่อให้น้ำหนักได้ 6. ลดน้ำหนักได้แล้ววันที่ 1 พ.ค. 2567 ก็เข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ที่ค่าย นวมินทร์ จ.ชลบุรี 7. วันที่ 26 พ.ค. 2567 ถึงวันพบญาติครั้งแรก แม่และยาย น้อง 2 คน ก็ไปเยี่ยม น้องเน ที่ค่าย แม่เห็นน้องเน น้ำหนักลดลงไปอีก 10 กก. ภายใน ไม่ถึง 1 เดือน แม่ถามว่าไหวมั้ย เขาก็บอกว่าไหว แต่ไม่ได้เล่าเรื่องฝึกอะไรให้แม่ฟังเลย เขาบอกแม่ว่า แม่อย่าทิ้งผมนะ ต้องมาเยี่ยมผมนะ แม่บอกมาแม่ต้องมาเยี่ยมซิ 8. คืนวันที่ 22 มิถุนายน แม่ได้รับแจ้งว่าน้องชีพจรต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือด ให้แม่ไปที่ รพ.ค่ายนวมินทรฯ พอแม่ไปถึงน้องเนไม่ได้สติ ใส่ท่อช่วยหายใจ ร่างกายบวม ทราบผลจากการตรวจของหมอ 1.สมองบวม 2.ซี่โครงหักทั้ง 2 ข้าง 3.ปอดฉีก ปอดรั่ว 3.ไหปลาร้าหัก 4.กระดูกสันหลังหัก   9. สอบถามได้ความว่าน้องโดนครูฝึกซ่อมวินัย 2 รอบ 


รอบแรก น้องเน ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาล ให้ กินยา รักษาแผลที่ขา ในห้องพยาบาลในค่ายทหาร แล้ว ทำให้เหมือน ครูฝึกได้ข่าวว่าน้องเนจะฟ้องผู้พัน หัวหน้า จริงๆ น้องเนยังไม่ได้ฟ้องเลย ก็เลยมาโดนครูฝึกซ้อมรอบที่ 2 อาการหนักกว่าเก่า และใช้ไม้ตีด้านหลังด้วย มีคนพบเห็นท่อนไม้ด้วย 


ครูฝึกคนนี้เป็น คนพื้นเพอ่าวอุดม แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นครูฝึกเสนารักษ์ เหมือนหมอทหาร ยศ สิบเอก อายุ 33 ปี เป็นคนอยู่กับห้องเน คนสุดท้าย ตอนซ้อม เพื่อนได้ยินเสียงน้อง ร้องออกมาจากในห้อง สักพัก เสียงเงียบหายไป เพื่อนเลยวิ่งออกมาดู เปิดห้องเข้าไป ก็เห็นครูฝึก คนนี้ กำลังปั๊มหัวใจทำ CPR ที่หน้าอก แม่ น้องเน ไม่แน่ใจว่า เป็นการ ทำ CPR เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนไข้หรือ ทำCPRซ้ำเพื่อให้เสียชีวิตเร็วขึ้น กระดูกหน้าอกก็ช้ำมาก น้องเน หมดสติหยุดหายใจประมาณ 14 นาที ก็ไม่เร่งรีบพาไปส่งโรงพยาบาล รพ.ค่ายนวมินทราชินี ทันที รอสักพักใหญ่ๆ ถึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล


10. รพ.ค่ายนวมินทราชินี ก็ทำการปั๊มหายใจขึ้นมา และใส่ท่อช่วยหายใจ อยู่ได้ 2 คืน ส่งต่อ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในกรุงเทพฯ น้องเนก็ไม่ฟื้น จนมาเสียชีวิต ในวันที่2 สิงหาคม รวมเวลาทั้งหมด 40 วัน   11. ครูฝึก พอรู้ว่าน้องเนเสียชีวิต ก็พยายามหนี จะข้ามฝั่งไปประเทศลาว ไปถึงนครพนม แล้ว ได้ ผู้พันหัวหน้าของน้องเน สั่งทีมทหาร ตำรวจสกัดและให้รวบตัวมาทำคดี 12. พ่อ น้องเน ไปแจ้งความทำร้ายร่างกาย ตอนนั้น น้องเนยังไม่เสียชีวิต อัยการให้ปล่อยตัวครูฝึก ได้รับการประกันตัวออกมา  13. ครูฝึกปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ทำ 14. แม่มารู้ทีหลัง หลังน้องเนเสียชีวิตแล้ว ว่าน้องเน ได้แชตคุยกับแฟน บอกแฟนมาโดนตี โดนต่อย อยู่เฝ้าเวรยันเช้า 15. ตอนนี้ ข้อมูลครูฝึกที่ซ่อมวินัย มีกี่คน เห็นพ่อน้องเนบอกมี 13 คน แต่ ครูฝึกเสนารักษ์ อยู่กับน้องเนคนสุดท้าย และมาซ้อมรอบที่ 2 พ่อน้องเนก็กำลังเช็กข้อมูล ให้ครบถ้วน เพื่อนทหารก็ไม่ค่อยกล้าให้ข้อมูลเท่าไร  16. พ่อแม่ แม่น้อง รู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกโกรธครูฝึกมาก ว่าทำไมต้องใช้ความรุนแรงตีลูกเขาขนาดนี้ ลูกชายเขายังเด็กมากๆ อายุ เพิ่ง 18 ปี และเขาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจมากที่อยากเป็นทหาร ทำไมต้องทำโทษกันรุนแรงขนาดนี้ ลูกชายไม่ใช่คนหัวรุนแรงเลย เรียบร้อยมาก ออกจะเป็นคนหัวอ่อนด้วยซ้ำไป แต่ทำไมทำกันขนาดนี้ ถ้าลูกชายไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติที่จะฝึกทหารไม่ได้ ก็ควรแจ้งบอกตรงๆ แม่พร้อมที่จะไปรับลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้เลย 17. พ่อแม่น้องเน บอกว่า ก็ขอให้แยกแยะว่า ผู้พัน หัวหน้า ของน้องเน พูดจาดีมาก ช่วยและประสานงานทุกอย่างรวมทั้งตามจับครูฝึกที่จะหลบหนีข้ามฝั่งทางช่องทางธรรมชาติไปประเทศลาว จนรวบตัวมาได้ และช่วยเหลือเรื่องงานศพอยู่ ก็หลังงานศพเสร็จแล้ว จะมีการติดตามเรื่องคดีความอย่างไร จะแจ้ง ให้ทราบอีกที่ แม่น้องเนขอให้น้องเนเป็นศพสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับลูกใครอีก , 18. ถ้าฝ่ายทหารมีข้อมูลที่แตกต่างจากที่เล่ามาก็แจ้งมาได้ค่ะ ยินดีรับฟังข้อมูล และนำเสนอข้อเท็จจริง จากทุกฝ่าย 

...


ขอแสดงความเสียใจ และขอบคุณที่พ่อแม่น้องเน ยินดีให้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากฝ่ายพ่อแม่ที่ได้มา สิ่งที่อยากเห็นคือ กระทรวงกลาโหม ควรตั้งคณะกรรมการจากข้างนอก พร้อม กระทรวงยุติธรรม มาสืบสวนสอบสวน ข้อเท็จจริง และการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ไม่ต้องขึ้นศาลทหาร ให้ขึ้นศาลพลเรือน เหมือนคดีอาญาทั่วไป อยากเห็นการปฏิรูประบบซ่อมวินัยทหารเกณฑ์ที่ใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชน จนถึงขั้นเสียชีวิต จะแก้ไขอย่างไร? จะแก้ไขเมื่อไหร่? ฝากสื่อมวลชน สื่อโซเชียลมีเดีย และประชาชน ผู้รักความยุติธรรม ช่วยกันทวงถามความยุติธรรมให้กับ น้องเน พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ทหารเกณฑ์ ที่อยากรับใช้ชาติแต่ต้องมาจบชีวิตแค่ฝึกทหารใหม่ภายในไม่ถึง 2 เดือน และขอให้ดวงวิญญาณนายวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ไปสู่ภพภูมิที่ดี" โดยหลังข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไป มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็น รวมถึงแชร์ข้อความจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่  16 ส.ค.67  ผู้สื่อข่าวได้พูดคุย กับ นางสาวนิชนันท์ วังคะฮาต อดีตผู้ลงสมัคร สส.เขต 10 สัตหีบ จ.ชลบุรี  เปิดเผยว่า สิ่งที่ออกมาพูดในวันนี้ 2 ประเด็นหลักๆ คือ 1.ไม่อยากให้เรื่องเงียบหาย เพราะหลังจากเกิดเรื่อง ดูเหมือนเรื่องราวจะดูเงียบหาย 2. อยากให้กองทัพออกมาชี้แจงเรื่องนี้เรื่องนี้ และให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้เสียชีวิต นอกจากนี้หลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แจ้งเบาะแสพฤติกรรมของครูฝึกรายนี้ ว่าเป็นบุคคลชอบใช้ความรุนแรง ถึงขั้นถ้าทำไม่ถูกใจ ก็จะถูกตบตี แม้กระทั่งฝึกใช้อาวุธปืน ถ้าทำไม่ถูก ก็จะถูกด้ามปืนตบ จนทุกวันนี้ทหารเกณฑ์ดังกล่าวถึงแม้จะปลดประจำการไปแล้ว ปัจจุบันกลายเป็นคนป่วย เป็นโรคซึมเศร้า 


ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาวเนม (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ผู้เป็นแม่ของพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล อายุ 18 ปี หรือเน ที่เสียชีวิต เล่าว่า ศพน้องเพิ่งเผาไปเมื่อวันวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งน้องเป็นเด็กนิ่งๆ  รักครอบครัว เป็นเด็กดี ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ขายของตลอด ในวันที่น้องอยากเป็นทหาร น้องเดินมาขอ พอน้องได้ใบ สด.9 ก็ใช้เวลาแค่ 2 อาทิตย์  ไปสมัครเป็นพลทหารบกทันที ตอนแรกไปตรวจร่างกายรอบแรกไม่ผ่าน แต่ตรวจรอบ 2 วันที่ 28 ม.ค.67  ปรากฏว่าผ่าน น้องก็ตัดสินใจว่าจะเป็นทหารแน่นอน โดยจะไปเรียนต่อข้างในให้จบถึง ม.6 และจะสมัครเรียนนายสิบต่อ 

...


ต่อมาน้อง ถูกส่งตัว ไปค่ายนวมินทร์ จ.ชลบุรี  วันที่ 1 พฤษภาคม จนวันที่ 26 พฤษภาคม เป็นวันเยี่ยมญาติ วันนั้นแม่กับยาย ได้ไปเยี่ยม และมีพิธีให้พลทหารนำพวงมาลัยกราบแม่ ตอนนั้นแม่ได้ถามลูก  อยู่ได้ไหม ซึ่งน้องก็ตอบว่าอยู่ไหว แต่ตอนนั้นน้องดูมีอาการอ่อนเพลีย เพราะการฝึกและอยู่เวร หลังมีการพูดคุยกันอยู่สักพัก ก็มีการนัดหมายว่า หากในวันที่ค่ายอนุญาตให้ปล่อยกลับบ้าน ลูกได้ขอร้องกับแม่ พร้อมกับโอบกอดแล้วพูดว่า “แม่ต้องลางานมารับหนูนะ แม่อย่าทิ้งหนูนะ แม่มารับหนูแล้วเราไปกินชาบูกัน” ซึ่งแม่เค้าตอบตกลง โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้คุยกับน้อง และน้องก็ไม่ได้กลับบ้าน

จนกระทั่งวันที่ 22 มิถุนายน 67 ได้รับโทรศัพท์จากครูฝึกว่าน้องมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชลบุรี วันนั้นแม่รีบขี่มอเตอร์ไซค์จากโรงโป๊ะ อ.บางละมุง ไปยังโรงพยาบาลชลบุรี ในตัวจังหวัด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แต่พอไปถึงโรงพยาบาล มีการพูดคุยกับหมอ ปรากฏว่าผลเอกซเรย์ออกมา น้องซี่โครงหัก สะบักหัวไหล่ขวาหัก มีเลือดไหลในปอด และสมองขาดอากาศนานเกิน 4 นาที อีกทั้งไปเอกซเรย์เอ็มอาร์ไอ ปรากฏพบกระดูกสันหลังหัก จึงเชื่อว่าน้องไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ แต่มีผู้ทำให้น้องอยู่ในสภาพดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้ต้องขอบคุณผู้พัน รวมถึงท่านผู้การของค่ายนวมินทร์ ที่ลงมาดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนครูฝึกรายนี้ และมีการดำเนินคดีในศาลทหาร อีกทั้งผู้พันและท่านผู้การ เข้ามาดูแลครอบครัวแม่ตั้งแต่วันแรกที่น้องเข้าโรงพยาบาล จนถึงวันสุดท้ายที่เผาร่างน้อง

สาเหตุที่แม่ยอมพูดในวันนี้ เพราะแม่ต้องการให้การพิจารณาคดีในเรื่องนี้ ย้ายจากศาลทหารมาขึ้นศาลพลเรือน และขอดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้น้องเสียชีวิตอย่างถึงสุด โดยไม่ขอพูดคุยหรือเจรจาใดๆทั้งสิ้น และไม่รับคำขอโทษจากผู้ก่อเหตุ อีกทั้งแม่เกิดมาในครอบครัวที่รับราชการ ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ อีกอย่างน้องตั้งใจสมัครไปรับใช้ชาติ แต่ไม่ใช่ไปอยู่เพื่อให้ใครมาฆ่า และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใคร แม่ยอมรับว่า รู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจ ปลาเน่าตัวเดียว แต่ต้องมาตายทั้งฝูง อีกทั้งเรื่องนี้แม่จะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม กับกระทรวงยุติธรรม หากคดีไม่มีความคืบหน้า

...

แม่ ยังเล่าเรื่องราว หลังวันที่น้องเสียชีวิต เชื่อว่าวิญญาณน้องมาหา โดยแม่จะนอนเฝ้าศพน้องที่ศาลาวัดทุกวัน ซึ่งในคืนนั้น แม่เห็นน้องเดินผ่านหน้าพวงหรีด ที่วางไว้บริเวณหน้าโลงศพ จึงทำให้เชื่อว่าวิญญาณของน้องยังวนเวียนอยู่ และแม่ขอบอกกับลูกไว้ว่าแม่จะสู้เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับลูกชาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีดังกล่าว หน่วยต้นสังกัด ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกำลังพลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแยกเป็นการดำเนินการทางวินัยต่อผู้บังคับบัญชาที่ขาดการกำกับดูแล จำนวน 3 นาย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดจนถึงผู้บังคับกองพัน และการดำเนินคดีทางอาญากับผู้ที่กระทำความผิดซึ่งเป็นกำลังพลนายสิบและทหารกองประจำการ จำนวน 13 นาย ข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” ปัจจุบันกลุ่มผู้กระทำผิดถูกควบคุมตัวอยู่ ณ เรือนจำ มทบ.14 และอยู่ในระหว่าง สืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม