เจ้าของร้านอาหารย่านพัทยาใต้ แฉ 2 ชายฉกรรจ์ ถือวิทยุสื่อสาร อ้างเป็นนักข่าว ทวงหนี้แทนชาวต่างชาติ ขณะที่คู่กรณียืนยันไม่มีการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ขู่ฟ้องคนแชร์คลิป
ช่วงสายวันที่ 1 มิ.ย. 67 นายเศรษฐา เศรษฐาบำรุง อายุ 42 ปี หรือบอล เจ้าของร้านอาหารสับตะใคร้ฟู๊ดแอนเรสเทอร์รอง ตั้งอยู่ภายในซอยพระตำหนักซอย 5 ย่านพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้ร้องกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 26 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตนเองกับภรรยา และลูกน้องที่ร้าน นั่งรับประทานอาหารอยู่ด้านหน้าร้าน จากนั้นได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน คนแรกสวมหมวกแก๊ป สวมแว่นตาดำ ในมือซ้ายถือกระเป๋าสีดำใบใหญ่ มือขวาถือ ว.วิทยุสื่อสารสีดำ (ว.ตำรวจ) สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น นุ่งกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ อีกคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น นุ่งกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เปิดเผยใบหน้าชัดเจน ได้ขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์-เทา มาจอดบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าร้าน ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพวกตน ซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่
พอชายทั้ง 2 คนที่ปรากฏในคลิป เดินมาถึง ชายที่สวมแว่นตาดำ หมวกแก๊ป ได้แนะนำตัวเองว่า ชื่อ “โมจิ” เป็นนักข่าวในพื้นที่ ในมือถือวิทยุสื่อสารส่ายไปมา โดยจะมาขอดูแลทางร้าน ขอเคลียร์เรื่องการเปิดปิด ให้ทางร้านจ่ายเงินให้ ซึ่งตนเองไม่ขอรับข้อเสนอ เพราะทางร้านเปิดมา 8 ปีแล้ว ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายใดๆ พอหลังจากนั้นทางด้านนายโมจิได้อ้างอีกว่า เขาถูกว่าจ้างจาก ภรรยาชาวต่างชาติ ที่เป็นคู่กรณีกับตนก่อนหน้านี้ เรื่องปมเหตุการซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์ ระหว่างตนกับชาวต่างชาติ โดยชายที่ชื่อ “โมจิ” ได้อ้างว่า ชาวต่างชาติให้มาทวงหนี้แทน เป็นเงิน 20,000 บาท ซึ่งตนก็งง เพราะได้โอนเงินให้ชาวต่างชาติไปก่อนหน้านี้แล้ว 20,000 บาท อยู่ๆ ก็มีคนมาขอเก็บเงินอีก
...
ต่อมา ภรรยาของตนได้ยินก็เกิดโมโหลุกขึ้น พร้อมทั้งบอกให้ชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คนออกจากร้านไป แต่ทั้ง 2 คนกลับไม่ออก โดยนายโมจิได้ลุกขึ้นจากโต๊ะ ออกมายืนอยู่ข้างๆ พร้อมให้พวกอีกคนอัดคลิปวิดีโอ ซึ่งในขณะนั้นภรรยาของตนเองก็ได้อัดคลิปไว้เช่นกัน จากนั้นคนที่ชื่อ “โมจิ” ได้พูดจาขึ้นเสียงตะคอกใส่ ด้วยอารมณ์โมโห พร้อมทั้งพูดสอบถามเรื่องใบอนุญาตสถานประกอบการ พูดข่มขู่ ทางด้านตนจึงได้ไล่ให้ชายทั้ง 2 คนให้ออกไปพ้นๆ ร้าน

หลังเกิดเหตุ ยอมรับว่าตนกับภรรยาเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย รวมถึงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา โดย พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนสอบสวน ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหาย เนื่องจากเจ้าทุกข์ยืนยันว่า ชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คน อ้างตัวเป็นนักข่าว และอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ โดยตำรวจจะเร่งสืบสวนติดตามตัวมาสอบถามข้อเท็จจริง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายจิรายุ หรือโมจิ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามที่ปรากฏในคลิป กล่าวว่า สิ่งที่ออกมาในคลิปนั้น ต้องย้อนไปก่อนหน้านี้ ตนรู้จักกับชาวต่างชาติที่เคยให้การช่วยเหลือ เกี่ยวกับถูกหลอกขายรถบิ๊กไบค์ในราคา 250,000 บาท แต่ไม่สามารถโอนได้เพราะไม่มีเอกสาร หลังจากนั้นชาวต่างชาติรายนี้ได้ตกลงกับนายเศรษฐา หรือบอล เจ้าของร้าน และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดังกล่าว ซึ่งฝ่ายชาวต่างชาติขอคืนรถและขอเงินคืน โดยตกลงจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละ 20,000 บาท และชาวต่างชาติที่ได้ว่าจ้างตนเองเป็นจำนวน 20,000 บาท ให้ช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องการต่อวีซ่าที่เสียเงินเกินความเป็นจริง
“ชาวต่างชาติไม่มีเงินให้ผม ผมก็คิดว่าไปเอาเงินจากนายเศรษฐาแทน จึงเป็นไปตามเหตุการณ์ในคลิป ซึ่งการไปในวันนั้นได้แสดงตัวว่าเป็นใคร และมีการคุยกับนายเศรษฐาก่อนหน้านี้เป็นอาทิตย์แล้ว และนัดมารับเงินวันนี้ เมื่อไปถึงนายเศรษฐาไม่พูดอะไรเลย มีแต่ทางฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยา เอะอะโวยวาย และขับไล่ออกจากร้าน ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้โมโห จึงพูดแบบนั้นไป แต่ยืนยันไม่ได้ข่มขู่ หรือกรรโชกทรัพย์แต่อย่างใด โดยหลังจากนี้ได้เข้าปรึกษากับทนายและชาวต่างชาติ เพื่อจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งคนที่เอาคลิปดังกล่าวไปแชร์ และคนคอมเมนต์ตามเพจต่างๆ ด้วย