กรณีรถมินิวิ่งชนปอร์เช่แล้วหมุนไปชนรถรับส่งนักเรียนคว่ำที่ฉะเชิงเทรา ล่าสุด นักเรียน 3 รายยังต้องนอน  รพ.มีกระดูกคอร้าว เลือดไหลในลำคอ หัวแตก ที่เหลือยังขวัญผวาไม่กล้าไปเรียน ขอให้คู่กรณีรับผิดชอบ ด้าน ตร.สอบปากคำ คนขับรถแล้ว รอรวบรวมพยานหลักฐานก่อนแจ้งข้อหา

จากอุบัติเหตุรถเก๋งมินิคูเปอร์ คลับแมน สีเทา หมายเลขทะเบียน 9 กว 7555 กรุงเทพมหานคร ชนเข้ากับรถเก๋งปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า GTS สีเทา หมายเลขทะเบียน 9 กบ 9933 กรุงเทพมหานคร แล้วรถเก๋งมินิคูเปอร์ หมุนไปชนรถรับส่งนักเรียนจนพลิกคว่ำบนถนน 304 มุ่งหน้าอำเภอพนมสารคาม ช่วงบริเวณใกล้เคียงปั๊มน้ำมัน ปตท.บางไผ่ ม.10 ต.บางไผ่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา ต้องเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บทั้งหมด 14 ราย ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดดอนทอง และโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์ 2 ไปยังโรงพยาบาลพุทธโสธร

ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ ( 24 มิ.ย. 66 ) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงพยาบาลพุทธโสธร พบว่ายังมีเด็กหลงเหลือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้ นอนพักรักษาตัวอีก 3 คนประกอบด้วย ด.ช.ชาญานน วงษ์ภักดี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนวัดดอนทอง / ด.ช.ปฐมพร แก้วประเสริฐ อายุ 14 ปี และ ด.ช.ธิติพงษ์ วงค์แปลก อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์ 2

...

ด.ช.ชาญานน หรือน้องพีท ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนเองปวดหัวไหล่ มีบาดแผลถลอกบริเวณหัวไหล่และแผ่นหลัง มีอาการปวดหัว และผลเอกซเรย์คุณหมอแจ้งว่า มีเลือดออกบริเวณต้นคอ ขณะนี้ยังคงมีอาการปวดหัวอยู่ โดยขณะเกิดเหตุตนเองกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆ จู่ๆ เห็นรถเก๋งล้อฟรีมีควันขึ้น ก่อนจะพุ่งชนด้านขวารถที่ตนนั่ง ก่อนรถจะหมุนพลิกตะแคงข้าง ทำให้น้องๆ ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง หล่นมาทับตน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง และภาพตนเองก็ตัดไป เมื่อตั้งสติได้จึงรีบออกมานอกรถ ขอความช่วยเหลือ ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน นางนวลพันธ์ แฉ่งเจริญ อายุ 49 ปี ย่าของ ด.ช.ชาญานน ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า หลานสาวอีกคนที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน เมื่อเช้าได้บอกกับตนว่า ไม่อยากไปโรงเรียนในเมืองแล้ว อยากเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ให้เดินไปหนูก็ยอม หนูกลัวหนูกลัวมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กวัย 9 ขวบได้สื่อสารออกมาถึงความกลัวกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า อยากให้ผู้ขับขี่ทั้ง 2 คันได้ยินความบริสุทธิ์ของเด็กเหล่านี้พูด อยากให้คิด คิดนิดนึงก่อนจะทำอะไรลงไป เพียงเพราะความประมาท ตอนแรกพอได้ยินข่าวตนเองถึงกับช็อก ซึ่งแม่ของตนเองวัย 83 เป็นชวดของน้องพีท เห็นเย็นแล้วหลานยังไม่กลับบ้าน ก็รู้สึกกังวลใจ เลยบอกไปว่าน้องพีทไม่เป็นอะไรมากเพื่อให้ชวดได้สบายใจ

ย่าของ ด.ช.ชาญานน ผู้บาดเจ็บ กล่าวต่อว่า ตนเองอยากจะเรียกร้องให้ผู้ขับขี่รถทั้ง สองคัน ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ตนเองไม่รู้ว่ามีอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า แต่พวกคุณขับรถบนถนนด้วยความเร็วและความประมาท ทำให้เด็ก 14 คน ต้องประสบอุบัติเหตุ เด็กๆ เหล่านี้ เช้าวันเสาร์ได้พักผ่อนออกไปวิ่งเล่น กลับต้องมานอนพักรักษาตัวแบบนี้ เพราะความผิดพลาดของคนขับรถสองคันนี้ ซึ่งเด็กๆ ทั้ง 14 คนจะต้องหวาดกลัว หวาดระแวงกับเหตุการณ์ครั้งนี้

...

ขณะที่ น.ส.สุภาพร แก้วประเสริฐ อายุ 49 ปี แม่ของ ด.ช.ปฐมพร ที่ได้รับบาดเจ็บหัวแตก เปิดเผยว่า ตนเองกลับมาถึงบ้านเห็นโทรศัพท์ดังหลายสายไม่ได้รับ เห็นสายสุดท้ายเป็นน้องสามีโทรมา จึงโทรกลับไปทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตนเองถามว่าลูกเจ็บเยอะไหม ปลายสายบอกว่าเจ็บ 14 คน ส่วนลูกตนเองหัวแตก คนเดียวในรถ ให้ตนเองรีบไปโรงพยาบาล เมื่อได้ยินแบบนั้นตนเองทิ้งข้าวของทุกอย่าง รีบไปหาลูกชายที่โรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงแล้วยังไม่พบหน้าลูกเพราะยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ตนเองรู้สึกกลัวเพราะยังไม่เห็นหน้าลูกและมารู้ว่าลูกต้องนอนโรงพยาบาล เด็กคนอื่นๆ ที่เจ็บเล็กน้อย เมื่อทำแผลเสร็จก็ทยอยกันกลับบ้าน พอตนเองได้เห็นหน้าลูกชายน้ำตาก็ไหลแล้วเข้าไปกอด เข้าไปถามว่าหนูเจ็บไหมลูก ลูกชายตอบกลับมาว่า โคตรเจ็บเลยแม่ ตนเองอยากเรียกร้องให้เขามีจิตสำนึก ที่ชนเด็กๆ ทั้งนั้นเลย คนชนจะมีความรับผิดชอบอะไรบ้าง ถ้าเด็กๆ เหล่านั้น เป็นลูกคุณ หลานคุณ ในครอบครัวคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร

...

ส่วน น.ส.พรพิมล เมฆสุวรรณ อายุ 35 ปี แม่ของ ด.ช.ธิติพงษ์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ลูกของตนกระดูกร้าวบริเวณลำคอ ไม่สามารถขยับเขยื้อนคอได้ ต้องใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในการขับถ่าย เพราะหมอไม่อยากให้ขยับตัวมาก ตอนเกิดเหตุแม่ทำงานอยู่ในโรงงาน ได้ยินเสียงโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกประสบอุบัติเหตุนึกว่าเป็นรถจักรยานยนต์คว่ำ แต่ยายของลูกชายบอกว่า เป็นรถรับส่งนักเรียนคว่ำ ด้วยความตกใจจึงขออนุญาตลาหัวหน้างานออกมาหาลูกชาย พอตนเองเห็นหน้าลูกใส่ที่บล็อกคอก็รู้สึกตื้อๆ น้ำตาไหล ถามลูกว่าเจ็บไหม เป็นยังไงบ้าง ลูกชายของตนก็ร้องไห้ออกมาบอกว่าเจ็บ

แม่ของ ด.ช.ธิติพงษ์ หนึ่งในผู้บาดเจ็บ กล่าวอีกว่า อยากจะเรียกร้องให้คนขับทั้งสองออกมารับผิดชอบ จิตสำนึกบนท้องถนน คนที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเด็กๆ หากครอบครัวของพวกคุณโดยบ้างจะรู้สึกอย่างไร ให้ออกมารับผิดชอบ ซึ่งตัวลูกชายเองก็มาบ่นกับตนเองเมื่อเช้า ว่าโทรศัพท์ที่ใช้เรียนภายในมีการบ้าน อยู่ในนั้นหลายวิชา พังแตกกระจายเสียหายหมดเลย ลูกรู้ว่าครอบครัวเราไม่รวยเหมือนคนอื่น แต่ตนเองก็บอกลูกให้สบายใจว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จัดการซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้ ลูกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ตนเองมาดูคลิปย้อนหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกใจหาย แล้วก็เห็นลูกตนเองกำลังวิ่งออกมา ได้แต่คิดว่าเขาขับรถอะไรกันขนาดนี้ และบางคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลก็เห็นว่าเขาแข่งกันมา

...

ส่วน พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ถึงความคืบหน้าของคดีทราบว่า เมื่อวานนี้ได้พนักงานสอบสวนได้สอบสวน นายกฤษตเมธ อินเทเวคิน อายุ 30 ปี คนขับรถเก๋งมินิคูเปอร์และนายอนุชิต บุญช่วย อายุ 54 ปี คนขับรถเก๋งปอร์เช่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา เพราะต้องการรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม ทั้งภาพจากกล้องหน้ารถ กล้องวงจรปิดตามเส้นทาง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบว่ามีการนัดแข่งกันมาก่อนหน้านี้ หรือบังเอิญมาเจอกันเลยท้าแข่งกัน พร้อมกันนี้จะเชิญพยานปากต่างๆ ที่ขับรถสัญจรอยู่ขณะเกิดอุบัติหตุมาทำการสอบสวนรวมด้วย เพื่อเพิ่มพยานหลักฐานในมิติต่างๆ ก่อนจะเรียกผู้ขับขี่ทั้งสองมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ส่วนรถทั้งสองคันวันนี้ได้มีการนำเข้าตรวจสภาพรถอย่างละเอียด เพื่อใช้ในสำนวนคดีเช่นเดียวกัน.