ผัวหึงโหดชัก .38 จ่อยิงเมียลูกจ้างร้านส้มตำดับแล้ววิ่งหนีเข้าป่ายิงตัวตายตามฝ่ายชายมีอาชีพขับรถบัสรับส่งพนังงานโรงงานมีนิสัยหึงหวง ชอบคิดไปเองว่าเมียจะมีชายคนใหม่ มักหาเรื่องทะเลาะเป็นประจำ ช่วงเกิดเหตุทั้งคู่คุยโทรศัพท์โต้เถียงกัน ผัวโมโหบุกมาถึงร้านก่อเหตุสลด
เหตุผัวยิงเมียดับแล้วยิงตัวตายตามรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 1 มิ.ย. ร.ต.ท.รัชพล เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รอง สว. (สอบสวน) สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันภายในร้านขายส้มตำ “เจ๊อ้อ” ริมถนนสายเมืองใหม่ใต้ หลังหมู่บ้านการเคหะแหลมฉบัง หมู่ 6 ต.บางละมุง ไปตรวจสอบพร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.ชลบุรี แพทย์และอาสาหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายส้มตำข้างทาง ภายในร้านพบศพนางไพรพนา หรือนา แตะกระโทก อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 3 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว สภาพนอนหงายถูกยิงด้วยปืน .38 กระสุนเข้าโหนกแก้มข้างขวา 1 นัด ห่างออกไปด้านหลังร้านขายส้มตำประมาณ 200 เมตร เป็นลานจอดรถบัสรับ-ส่งพนักงานโรงงาน ภายในป่าหญ้าพบนายบัวลา หรือโทน คูณลาด อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 7 ต.แก้งกอก อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี สามีผู้ตาย อาชีพขับรถบัสใช้ปืน .38 จ่อยิงขมับขวา 1 นัด อาการสาหัส ใกล้ตัว พบปืน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.วิภาราม แหลมฉบัง ต่อมาเสียชีวิต
สอบสวน น.ส.ศิริพร โอดอ่อน อายุ 42 ปี เจ้าของร้านขายส้มตำ ทราบว่า นางไพรพนาเป็นลูกจ้างที่ร้าน ก่อนเกิดเหตุนางไพรพนาคุยโทรศัพท์กับนายบัวลา สามี แล้วมีเรื่องทะเลาะกันเกี่ยวกับการเงิน จากนั้นไม่นานนายบัวลาเดินมาที่ร้านแล้วโต้เถียงกับเมีย ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน จังหวะที่นางไพรพนาตักข้าวให้ลูกค้า นายบัวลาชักปืนยิงเมีย 4 นัดจนล้มฟุบเสียชีวิต ลูกค้าที่อยู่ในร้านต่างตกใจวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง หลังก่อเหตุนายบัวลาวิ่งเข้าไปในป่าใกล้ลานจอดรถแล้วยิงตัวเองตายตาม
...
ด้านนายองอาจ พรประเสิรฐ อายุ 53 ปี เพื่อนนายบัวลา เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืน 3-4 นัดดังมาจากร้านขายส้มตำ ตนออกมาดูได้ยินเสียงคนตะโกนดังลั่นว่า “พี่โทนยิงพี่นา” ในจังหวะนั้นนายบัวลาเดินสวนกับตนมาพอดีมือถือปืน มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่พูดไม่จา ตนจึงต่อว่า ไปยิงเมียทำไม จากนั้นนายบัวลาเดินเข้าไปในป่าหญ้าด้านหลังลานจอดรถ ผ่านไปไม่ถึง 3 นาทีมีเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด เมื่อวิ่งไปดูพบว่านายบัวลาใช้ปืนยิงตัวเอง นอนหายใจรวยรินรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ กระทั่งเสียชีวิต คาดสาเหตุมาจากนายบัวลามีนิสัยหึงหวงเมียมาก คิดไปเองว่าเมียแอบคุยโทรศัพท์และแอบไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับชายคนอื่น กระทั่งมาเกิดเหตุสลด
อีกรายเมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.อ.จักรกฤช สุวรรณวงศ์ รอง สว. (สอบสวน) สน.พหลโยธิน ไปสอบสวนเหตุสามียิงภรรยาแล้วยิงตัวเองตายตาม รวม 2 ศพ ที่บ้านเลขที่ 623 ซอยพหลโยธิน 35 แยก 7/1 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ในพื้นที่ประมาณ 70 ตารางวา ในห้องนอนชั้นล่าง บนเก้าอี้ตั่งไม้พบศพ จ.ส.อ.สุดใจ สุดทรา อายุ 95 ปี เจ้าของบ้าน ใช้ปืน ลูกโม่.38 ยิงขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด นั่งหงายหลังทับศพนางจรีย์ สุดทรา อายุ 94 ปี ภรรยา มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัด ส่วนปืนตกอยู่ข้างเท้าขวา จ.ส.อ. สุดใจ เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุพักอยู่ด้วยกัน 6 คน จ.ส.อ.สุดใจ อดีตจ่าทหารบก นางจรีย์ ลูกชาย ลูกสะใภ้ หลาน และน้องสาวนางจรีย์ หลายปีก่อนหน้านี้นางจรีย์เคยผ่าเข่าทั้ง 2 ข้าง ด้วยอาการคนแก่ จากนั้นนอนติดเตียงมาตลอด จ.ส.อ.สุดใจดูแลใกล้ชิดมาหลายปี ช่วงเช้าบอกลูกชายก่อนออกไปทำงานว่าพ่อกับแม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่เป็นภาระลูกหลาน แต่ลูกชายไม่ได้เอะใจ ส่วนหลานออกไปทำงานเช่นกัน ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในบ้าน 3 คน ผู้ตาย 2 คน และน้องสาวนางจรีย์ที่มีอายุมากแล้ว เมื่อลูกชายกลับเข้าบ้านถึงพบเหตุสลดใจดังกล่าว