อช.หมู่เกาะเสม็ด ตั้งโต๊ะแถลง โต้พัลวัน ปมเก็บส่วยสองแถว-จยย.ไม่จริงทุกเรื่อง ด้าน ผวจ.ระยอง สั่งตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริงรายงานผลใน 15 วัน ขณะที่ ผู้ประกอบการอยากให้มีภาค ปชช.เข้าร่วมตรวจสอบ เพราะหวั่นจะเข้าข้างกัน

จากกรณีที่ นายดำรง พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคโอกาสไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับส่วยบนเกาะเสม็ด หลังจากไปตรวจสอบ พบว่ามีการเรียกเก็บเงินรายปีจากรถยนต์เช่า จำนวน 16,000 บาท ต่อคันต่อปี รถ จยย.คันละ 1,600 บาทต่อคันต่อปี พร้อมสติกเกอร์ 1 แผ่น ใครไม่จ่ายวิ่งไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการเรือโดยสารโอด ถูกขึ้นค่าธรรมเนียมเรือรายปี ถึง 3 เท่าตัว ทั้งที่เพิ่งฟื้นจากสถานการณ์โควิด-19 มา 3 ปี

นอกจากนี้ ยังมีการเก็บเงินแลกกับอนุญาตก่อสร้าง เก็บ 10 เปอร์เซ็นต์ จากงบประมาณการก่อสร้าง โดยผู้ประกอบการรายหนึ่งเปิดเผยว่า ถูกเรียกเก็บการต่อเติมรีสอร์ต กว้าง 11 ม. ลึก 16 ม. ต้องจ่าย 500,000 บาท เพื่อแลกอนุญาตให้สร้าง และยังถูกหลอกให้ออกรถยนต์มา 2 คัน เพื่อให้วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวในรีสอร์ต โดยต้องจ่ายคันละ 1 แสนบาท พอจ่ายแล้วปรากฏว่า วิ่งได้เดือนเดียวถูกห้ามวิ่ง เงินจำนวน 2 แสนบาท ก็ไม่ได้คืน เสียเงินออกรถอีกกว่าล้านบาท

ต่อมา นายธานี สุขกระจ่าง ประธานชมรมแท็กซี่เกาะเสม็ด (รถยนต์เช่า) ได้ออกมาเปิดเผยว่า เกี่ยวกับเงินจำนวน 16,000 บาท ที่ทางอุทยานฯ เรียกเก็บเงินเป็นค่าดำเนินการ เพื่อทำให้รถยนต์โดยสารถูกต้อง จะได้วิ่งได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเก็บเงินมาแล้ว 60 ราย รวม 960,000 บาท ตนเองได้เก็บเงินทั้งหมดส่งให้อุทยานฯ ไปหมดแล้ว เช่นเดียวกับ รถ จยย.เช่า ที่ถูกเรียกเก็บคันละ 1,600 บาท จำนวน 660 คัน รวมเป็น 1,056,000 บาท ได้ส่งไปให้อุทยานฯ แล้วเช่นกัน

...

นายสมศักดิ์ ภูเพ็ชร์ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ให้มีผลสรุปออกมาให้เร็วที่สุด โดยเวลานี้ กรมอุทยานฯ พยายามตรวจสอบทุกอย่างให้รอบด้าน

ยอมรับว่า บางเรื่องพบความผิดพลาด แต่ก็ต้องตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน และให้ความจริงปรากฏ ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 มกราคม 2566 ที่ห้องประชุมสำนักงานอุทยานเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายสาธิต ปิ่นกุล ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และ นายชาณุ เดชธัญญนนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงแถลงข้อเท็จจริง กรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการพาดพิงว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งได้สร้างความเสียหาย และเข้าใจผิดต่อหน่วยงาน โดยแบ่งเป็นประเด็น ดังนี้

นายก้องเกียรติ กล่าวว่า กรณีที่มีการประกาศเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมเรือโดยสาร เข้าออกพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งเป็นความจริง โดยเป็นการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 8 ส.ค.65 โดยทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังได้รับหนังสือจากสมาคมผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวบ้านเพ เกาะเสม็ด ได้มีส่งเรื่องไปยังกระทรวงฯ เพื่อพิจารณาแล้ว

ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่อง เรียกเก็บเงินจากรถโดยสารบนเกาะเสม็ด เป็นไปตามกฎกระทรวงที่กำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต กำหนดเก็บค่าธรรมเนียม คันละ 2,000 บาทต่อปี ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า ทางอุทยานฯ เรียกเก็บเงินค่าดำเนินการ จากรถยนต์เช่า คันละ 16,000 บาท และ รถ จยย.คันละ 1,600 บาท สำหรับเรื่องดังกล่าว ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว

ประเด็นที่ 3 เรื่องการเรียกเก็บค่าผ่านเข้าอุทยานฯ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มอีกคนละ 100 บาท นอกเหนือจากค่าผ่านเข้าเกาะเสม็ด 200 บาท ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่กำหนดค่าบริการเป็นพิเศษ จึงไม่ใช่การเรียกเก็บเพื่อหาผลประโยชน์แต่อย่างใด

ประเด็นที่ 4 เรื่องเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะ จากการก่อสร้างต่อเติมในพื้นที่อุทยานฯ โดยมีการเปิดเผยว่า มีการเรียกเก็บ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ จากงบประมาณการก่อสร้าง ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะการก่อสร้าง ต้องมีการยื่นแบบแปลนต่อกรมอุทยานฯ เพื่อตรวจสอบ ให้อยู่ในแบบแปลนที่กำหนด และในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย หากถูกต้องตามกำหนดก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว

ประเด็น 5 เกี่ยวกับเรื่อง การจับกุมผู้ที่เข้าไปกวาดคราดหญ้าริมถนน ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานฯ ที่กล่าวอ้างว่าถูกเรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม ซึ่งขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

...

นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า เกี่ยวกับเรื่องที่ถูกพาดพิง กรณีที่ถูกกล่าวหา หรือข้อมูลร้องเรียนอื่นๆ ที่มีรายละเอียดปรากฏตามสื่อต่างๆ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) และ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกัน เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะเร่งดำเนินการ ส่วนทางผู้ประกอบการ ขอให้มั่นใจ และรับรองว่าจะไม่มีการกลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน สำหรับกลุ่มที่มีการร้องเรียน

ด้านผู้ประกอบการ ต้องการให้มีบุคคลจากนอกหน่วยงานเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบด้วย เพราะหากเป็นสีเดียวกันตรวจสอบกันเองแล้ว จะเกิดความเป็นธรรมได้อย่างไร

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 18 ม.ค.2566 นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า สำหรับเรื่องเกาะเสม็ดที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกเก็บผลประโยชน์ตามที่เป็นข่าว ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมี รอง ผวจ.ระยอง และ หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว และ ให้รายงานข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 15 วัน.