เทศบาลเมืองสัตหีบติดป้ายประกาศห้ามเข้าใช้ตัวอาคาร เมาท์เท่น บี ผับ ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร.จวกท้องที่ยับ ลั่นใครทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบเอง เตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทุกคน ชี้เจ้าของสถานที่ปิดล็อกทางหนีไฟ ถือว่ามีความผิด ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 14 ศพแล้ว 

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ เมาท์เท่น บี ผับ (MOUNTAIN B) ริมถนนสาย สุขุมวิท ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ขณะที่มีนักท่องราตรีกำลังใช้บริการเกือบร้อยชีวิต ต้นเพลิงเริ่มที่หลังคา ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วบริเวณ เนื่องจากตัวหลังคามีการฉีดพ่นโฟมสำหรับซับเสียง ซึ่งเป็นวัตถุติดไฟได้ง่าย ประกอบกับ ช่องระบายลมมีเพียงประตูด้านหน้าทำให้ไฟโหมกระหน่ำรุนแรง ย่างสดนักเที่ยวเสียชีวิต 13 ศพ เหตุเกิดช่วงตีหนึ่งวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุดในช่วงเย็น นายพนธกร ใคร่ครวญ รองนายกเทศมนตรี ปฏิบัติราชการแทน นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ ได้นำหนังสือ 2 ฉบับ มาติดประกาศหน้าอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยมีคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ที่ห้ามใช้อาคารตามมาตรา 46 ทวิ วรรคสอง และ คำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคารหรือบริเวณที่มีการก่อสร้าง การดัดแปลง การรื้อถอน หรือการเคลื่อนย้ายอาคารตามมาตรา 40 (2) หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกดำเนินตามกฎหมายขั้นเด็ด พร้อมทั้งประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ให้มีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. อีกด้วย

...

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าตรวจที่เกิดเหตุ ภายหลังการประชุมร่วมกับจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความปลอดภัยของสถานที่อย่างประตูหนีไฟ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีการปิดล็อกประตูหนีไฟซึ่งมีความผิดชัดเจน โดยหลังจากนี้จะเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ส่วนข้อมูลเรื่องคนมีสีมีเอี่ยว หรือปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบนั้นจะทราบผลในเร็ววันนี้ โดยยืนยันว่าพื้นที่ใครเกี่ยวข้องหรือทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบไป โดยจะมีการทำงานอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บหรือญาติผู้เสียชีวิตสามารถแจ้งดำเนินคดีทางแพ่งได้ ส่วนความผิดอื่นๆ ก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนผู้เสียชีวิต จากเดิมมี 13 ศพ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อีก 1 ราย คือนายสุเทพ มงคลแก้ว รวมมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 14 ราย.