ข่าวดีอัปเดต ...บุญชื่น โพธิ์แก้ว หรือ “ป้าชื่น” เกษตรกรสวนผลไม้ เจ้าของสวนผสม “สวนยายดา” เนื้อที่ 30 ไร่ ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง พูดแบบอารมณ์ดีให้ฟังว่า...ทุเรียน “ราชาผลไม้” ปีนี้ ติดลูกอ่อนดีกว่าปีที่แล้วนิดหน่อย
ส่วนมังคุด “ราชินีผลไม้” ใช้ได้ เงาะ ลางสาด ลองกอง ระกำ “เอาได้”...คำกล่าวนี้คนภาคตะวันออกแปลว่า...“ได้ผล” ปีนี้จึงน่าจะขายได้สวนละ 10-12 ตัน

ต่างกับสถานการณ์ย้อนหลังไปสองปีก่อน...สวนเปิดก็เหมือนปิด ไม่มีใครเที่ยวเสี่ยงอมโรคโควิด...แต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น เริ่มมีกระแสข่าวว่า ศบค.จะยกให้เป็น “โรคประจำถิ่น” ที่คนยังคงแพร่เชื้อไอโขลกวันละค่อนแสน ไม่รุนแรง ตายเฉลี่ย 80 คนต่อวัน
ดีที่ว่า...สองปีที่ผ่านมาประสบการณ์ทำให้ชาวสวนยุคโกลบอลไลเซชันมีทางไปต่อได้ จากการขายให้ “ล้ง” ส่งออกตลาดจีน ฮ่องกง ไทเป ด้วยพวกนี้มีออร่าซื้อสินค้าเหมาสวนได้หลังติดผลอ่อน หรือไม่ชาวสวนบางรายก็เลือกตัดทุเรียน 120 วัน ขายออนไลน์เสียเอง
...
“ล้งจ่ายเงินก้อนล่วงหน้าและตัดเก็บเองทุกอย่าง ชาวสวน ไม่ต้องเหนื่อยเรื่องตลาด จะได้มีเวลาดูแลลำต้นไม่ให้กองทัพหนอนโจมตี” ป้าชื่นพูดอย่างโล่งอก
มีที่เหลือบางส่วน “กั๊ก” ไว้ขายนักท่องเที่ยว ซึ่งบริษัททัวร์พามาเติมเต็มช่วงฤดูกาล...ใหม่ๆก็ปล่อยให้เที่ยวชมฟรีสไตล์ มารู้อีกทีไม่คุ้มเพราะพฤติกรรมทัวร์ตามอำเภอใจไทยแลนด์
“ชิมทิ้งกินขว้างชาวสวนเห็นแล้วอยากร้องไห้ สู้ดูแลมาอย่างดีกลับถูกทำลายยับเยิน...ปีต่อๆมาเราเริ่มวางเงื่อนไขและขายบัตรพร้อมจำกัดจำนวน โดยตัดผลไม้ให้กินกลางบรรยากาศโคนต้นเงาะ มังคุด นั่นแหละต้นถึงจะปลอดภัย” คราวนี้ป้าชื่นพูดเชิงตัดพ้อ

ครั้งหลังสุด...พัฒนาเป็นตั้งโต๊ะบุฟเฟต์ผลไม้กินได้ไม่อั้นหัวละ 300-500 บาท...กลับบ่นว่าแพง แต่ได้ทีเลือกกินทุเรียนเฉพาะพูที่ถูกปาก พูไหนเคมีไม่ตรงแทะแล้วก็ทิ้ง...ถือว่าจ่ายเงินแล้ว บางรายซื้อกลับขอเจาะเนื้อดูแล้วใช้เล็บจิกเนื้อว่าแฉะหรือกรอบ ถ้าเคมีตรงกันก็โล่งอก แต่ถ้าไม่ใช่ก็เททิ้งเป็นทุเรียนมีตำหนิ
...ต้องนำเนื้อไปกวนแปรรูปขายได้ราคาต่ำ แล้วเชื่อมั้ย?...ต้องสูญไปวันละกว่า 30%
เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนามยอกอกชาวสวน ด้วยภาวะจำยอมเพราะต้องการรักษาบรรยากาศท่องเที่ยวเอาไว้คู่สวนผลไม้ระยองให้คงอยู่
วัชรพล สารสอน ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง บอกว่า เรารู้ปัญหานี้ดีแต่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน บอกได้เพียงแต่ว่า...ทัวร์ชมสวนระยองพฤษภาคม-มิถุนายน ส่งเสริมมานานตั้งแต่ 62 ปีที่แล้ว
“สมัยแรกๆเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ภาคตะวันออก ชวนเที่ยวชายทะเลแล้วชมสวนชะเง้อดูหน้าตาต้นเงาะ ทุเรียน จากนั้นถึงค่อยจับจ่ายผลไม้กระจายรายได้สู่ชาวสวนนิดๆหน่อยๆ”

วิถีเดิมๆคนที่นี่...คือตัดทุเรียน เงาะ มังคุด ใส่ท้ายรถออกเร่ขายตลาดกลางผลไม้ มีพ่อค้าต่างถิ่นมารอซื้อแบบบูลลี่...ราคาต่ำสุด เจ้าของสินค้าไม่มีทางเลือกเพราะไม่ได้เป็นคนกำหนดราคาขาย
แต่เมื่อผีถึงป่าช้า...ตัดจากต้นมาแล้วไม่ขายก็เน่า
มีอยู่ครั้งที่ชาวสวนเหลืออดเต็มที...ตอนเงาะสีชมพูโบราณก่อนเงาะโรงเรียนจะมาสวนระยอง ถูกพ่อค้าคนกลางบูลลี่ราคาหนักให้เงาะสีชมพูกิโลกรัม 1 บาท ชาวสวนเดินไม่เป็นได้แต่กำสรวล ค่าจ้างเก็บกิโลกรัมละ 1 บาท...เท่ากับชาวสวนปลูกมาทั้งปี-ไม่ได้อะไรเลย!
...
“เป็นครั้งแรกที่คนทำสวนระยองต้องสำแดงอารยะขัดขืน พร้อมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านพ่อค้าคนกลางและเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ ด้วยการรวมหัวกันนำเงาะโบราณมากองทิ้งบนถนน หวังให้เร่งหาตลาดที่ยุติธรรมให้...นั่นแหละปัญหาถึงคลายลงได้ระดับหนึ่ง”

คราวนี้เมื่อปี 2553 “ชาวสวน” เริ่มมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ในวิถีทาง “ตลาดแนวใหม่” ในการขายผลผลิต โดยไม่ต้องพึ่งพิงเสือนอนกินอย่างพ่อค้าคนกลางอีกต่อไป
นั่นคือ...การเริ่มต้นโครงการ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน”
โดย ททท. ร่วมกับองค์กรเกษตรกรรมในท้องถิ่น กับสวนแต่ละแห่งจัดเตรียมผลไม้ไว้ ไม่ต้องไปเร่ขายตลาดกลางผลไม้เช่นเคย
งานนี้เราร่วมกับบริษัทนำเที่ยวจะทำทัวร์ชมสวน โฆษณาประชาสัมพันธ์กระตุ้นตลาดผ่านสื่อ...มีสวนเข้าร่วมโครงการ 12 สวนแต่ละแห่งจัดนักศึกษาภาคเกษตรกรรมเป็นบุคลากรบริการ สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักทั้งชาวสวนและนักท่องเที่ยวน่าสนใจว่า...
...

“แต่ละสวนมีรายได้ร่วม 3 ล้านบาท ปีต่อๆมาเพิ่มเป็น 42 สวน มีเงินหมุนเวียนปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท...เสร็จงานผลไม้ทุกปีชาวสวนจะลงขันกันจัดนำเที่ยวไปภาคเหนือบ้าง ภาคใต้และอีสานบ้าง เพื่อศึกษาด้านเกษตรกรรม...เป็นภาพเก่าๆที่เคยกำเนิดก่อนโควิดกำเริบ”
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนี้ นับจากกรณีต้องปิดสวนหนีโควิด อยู่นาน 2 ปี แต่หัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมหนีล้งเหมาสวน...เหนื่อยก็ไม่เหนื่อยกับการเก็บผลไม้ทุกชนิด และไม่ต้องเซ็งกับการใช้ทุเรียนเหลือขอมีตำหนิเอามากวน ปีนี้...ศบค.บอกโควิดเป็นไข้หวัดธรรมด๊า ธรรมดา ติดง่ายรักษาง่ายไม่ถึงตาย
กลายเป็น “โรคประจำถิ่น” ซึ่งเราจะต้องอยู่กับมันให้ได้เพื่อเดินต่อไป

...
ททท.ระยองจึงเชิญเจ้าของสวน 21 สวนมาประชุมร่วม และมีมติจะทบทวนผลักดันส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนผลไม้ประจำปี 2565 เริ่ม 1 พฤษภาคมถึง 30 มิถุนายน โดย ททท.ระยองจะดำเนินการส่งเสริมการขายแจกคูปองมูลค่า 100 บาทฟรี แก่คนมาเที่ยวสวนในโครงการกระทั่งหมดงบประมาณสนับสนุน
วัชรพลกล่าวจบป้าชื่นเสริมทันทีโดยพลันว่า “ไม่ควรลืมมาตรการสาธารณสุข...ก่อนเข้าสวนทุกคนต้องฉีดวัคซีนใส่แขนครบ 3 โดส แยงจมูก เอทีเคไม่เกิน 72 ชั่วโมง เว้นระยะห่างตามรูปแบบ นิวนอร์มอล เท่านี้ก็เที่ยวสวนระยองปลอดภัยไร้โควิด...
ที่สำคัญนอกจากนี้แล้ว ยังจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีชิมจากตั้งโต๊ะบุฟเฟต์มาเป็น... “ซื้อ ชั่ง นั่ง ทาน” โดยเปิดให้จองล่วงหน้ากันมาได้

ทั้งหมดเหล่านี้คือบริบทหนึ่ง...ที่ทัวร์ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” จะฟื้นขึ้นมาช่วยปั่นฟันเฟือง “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นิว แชปเตอร์” ให้หนุน “ปีท่องเที่ยวไทย” ที่ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ เที่ยวเมืองไทยครบ 1.28 ล้านล้านคนปีนี้
เศรษฐกิจบ้านเมืองจะได้กระเตื้อง ลดปัญหาของแพงน้ำมันแพง ที่เชื่อว่า...คงลากยาว! ได้บ้างไม่มากก็น้อย.