กระบะขนแรงงานต่างด้าวชนท้ายรถบรรทุกยูคาลิปตัสและมีกระบะอีกคันหักหลบตกร่องกลางถนนสาย 359 สระแก้ว-เขาหินซ้อนช่วง กม.54-55 อ.ศรีมหาโพธิ ทำให้คนบนรถกระบะ ตาย 4 เจ็บสาหัส 4 ส่วนคู่กรณีปลอดภัย

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 20 ก.พ. 65 ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สีหะบุตร รอง.สว.(สอบสวน) สภ.ระเบาะไผ่ รับแจ้งรถยนต์กระบะขนแรงงานต่างด้าวชนท้ายรถบรรทุกพ่วงไม้ยูคาลิปตัส เหตุเกิดบนถนนสาย 359 สระแก้ว-เขาหินซ้อน กม.54-55 บ้านกรอกสมบูรณ์ ม.1 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ส่งผลทำให้ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหลายราย

หลังรับแจ้งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อาสากู้ภัย มูลนิธิสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน และหน่วยกู้ภัยสว่างมูลนิธิสัจจพุทธธรรมกบินทร์บุรี แพทย์เวรโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ฝั่งถนนขาออกมุ่งหน้าเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา พบรถยนต์กระบะนิสสัน นาวารา สีขาว ทะเบียน บท-3609 สระแก้ว สภาพรถด้านหน้ายับเยิน ด้านหลังรถมีสัมภาระเครื่องใช้ประจำวันจำนวนมาก ส่วนภายในรถทั้งด้านหน้า และแค็ปหลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอัดติดคาซากรถจำนวนมาก ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ช่วยกันนำออกจากตัวรถจำนวน 4 ราย นำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ส่วนด้านหน้ารถกระบะและแค็ปหลังยังพบร่างผู้เสียชีวิตอีกจำนวน 4 ราย

...

สำหรับรถยนต์กระบะที่พบผู้เสียชีวิต ได้นำแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 7 ราย โดยมีคนขับที่เป็นคนไทย 1 ราย คือ นายรัตฐพงษ์ คำบู่ อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว และเสียชีวิตคาพวงมาลัย นอกจากนี้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์บรรทุกพ่วงบรรทุกไม้ยูคาลิปตัส ทะเบียนตัวพ่วง 81-6685 สระแก้ว และทะเบียนตัวแม่ 81-6684 สระแก้ว ที่เป็นคู่กรณีด้านท้ายถูกชนยุบเข้าไปด้านในจอดอยู่ มีนายหัสดิน แพงพรมมา อายุ 54 ปี ส่วนร่องกลางถนนพบรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน ถฏ-6909 กทม. พลิกตะแคงอยู่ด้านล่างร่องกลางถนน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์กระบะคันที่เกิดเหตุคาดว่า จะนำพาแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา มีทั้งชายและหญิง รวม 7 คน มาจากชายแดน จ.สระแก้ว ไปส่งที่หมาย ขณะขับมาด้วยความเร็วประกอบถนนสายดังกล่าวมืด และมีหมอกลงคนขับอาจจะมองทางไม่เห็นรถบรรทุกยูคาฯ ที่อยู่ด้านหน้า จึงชนเข้าเต็มแรงจนทำให้มีผู้ที่นั่งมาในรถได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนรถยนต์กระบะที่ขับตามหลังมาหลังหลบจึงเสียหลักลงร่องกลางถนน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงทางพนักงานสอบสวน จะได้สอบสวนหาข้อมูลที่แท้จริงอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.