เดนกามอำมหิตข่มขืนฆ่าเผานั่งยางสาวโรงงานชาวพม่า หลังถูกลักพาตัวหายไปจากห้องเช่านาน 5 วัน ตำรวจสืบสวนแกะรอยตามลากคอฆาตกรโหดหนีไปกบดานอยู่บ้านญาติต่างจังหวัด เป็นช่างไฟโรงงานอยู่ห้องเช่าเดียวกัน เปิดปากสารภาพขณะ เดินผ่านเห็นเหยื่อสาวนอนอยู่ห้องคนเดียว เกิดอารมณ์หื่นย่องเข้าปลุกปล้ำหมายขยี้กาม แต่เหยื่อขัดขืนเลยเตะปากแตกก่อนจับมัดมือปิดปากลากตัวออกจากห้องไปข่มขืนในสวนปาล์ม เสร็จกิจบีบคอฆ่าจนสิ้นใจคามือ หมกศพในสระน้ำกลับไปทำงานตามปกติแถมพาเมียไปกินข้าวเย็น พอตอนค่ำย้อนไปขนศพขึ้นท้ายรถกระบะไปเผาทิ้งอำพรางคดี โดนแจ้ง 4 ข้อหาหนักคุมตัวทำแผนฯโหด
ปมปริศนาคดีลักพาตัว น.ส.ขิ่น (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สาวชาวพม่า คนงานบริษัทแห่งหนึ่งถูกคนร้ายบุกฉุดไปจากห้องพักในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ต.กบินทร์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย. ผ่านไปหลายวันไม่ทราบชะตากรรม พี่สาว 2 คน และเพื่อนร่วมงานพากันเป็นห่วง ออกประกาศตามหาผ่านสื่อโซเชียลวิงวอนขอให้ปลอดภัย ตำรวจพบเบาะแสผู้ต้องสงสัยคือนายบุญหลาย บัวพันธ์ อายุ 21 ปี เป็นช่างไฟบริษัทเดียวกัน พักอยู่ห้องหมายเลข 5 ห้องเช่าเดียวกัน หลังเกิดเหตุหายตัวไป
ความคืบหน้าหลังจากสาวพม่าหายตัวไปนาน 5 วัน ในที่สุดตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วยอมรับสารภาพบุกฉุดเหยื่อสาวไปข่มขืนฆ่าเผานั่งยางอย่างเหี้ยมโหด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 พ.ย. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี เชิญตัว น.ส.สมหมาย บัวพันธ์ พี่สาวของนายบุญหลาย ผู้ต้องสงสัย มาสอบสวนจนทราบเบาะแสว่านายบุญหลายหลบหนีไปกบดานอยู่บ้านญาติในพื้นที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ตำรวจพา น.ส.สมหมายไปจับกุมตัวนายบุญหลายไว้ได้ สอบสวนเบื้องต้นยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่บุกเข้าไปลักพาตัว น.ส.ขิ่น โดยฉุดลากตัวออกจากห้องไปข่มขืนแล้วบีบคอฆ่าเผานั่งยางไปแล้ว
...
นายบุญหลายเผยรายละเอียดว่า ช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย. ขณะเดินผ่านห้องของ น.ส.ขิ่น ประตูเปิดแง้ม มองเห็น น.ส.ขิ่นนอนหลับอยู่คนเดียว เกิดอารมณ์ทางเพศย่องเข้าไปหมายปลุกปล้ำข่มขืน แต่เหยื่อสาวดิ้นรนขัดขืนจึงใช้เท้าเตะปากแตกพร้อมจับมัดมือและใช้เทปกาวปิดปาก น.ส.ขิ่นพยายามร้องตะโกนขอความช่วยเหลือเลยฉุดตัวออกทางประตูหลังห้องเข้าไปในสวนปาล์ม ห่างจากห้องเช่าประมาณ 500 เมตร แล้วลงมือข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ หลังเสร็จกิจบีบคอจนเสียชีวิตแล้วลากศพไปซุกในสระน้ำใกล้กัน จากนั้นเดินกลับห้องพักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงานที่โรงงานตามปกติ
ฆาตกรโหดเผยต่อไปว่า หลังเลิกงานขับรถกระบะไปรับภรรยาสาวที่ตั้งครรภ์ 7 เดือนทำงานอยู่โรงพยาบาลใน อ.ศรีมหาโพธิ พาไปกินข้าวที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เสร็จแล้วไปส่งภรรยาที่บ้าน ก่อนขับรถกลับมายังจุดสังหารเหยื่อสาวอุ้มศพใส่กระบะท้ายรถขับไปบ้านตัวเองใน ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี เอาถังน้ำมัน สายยาง และยางรถยนต์ 2 เส้นขึ้นรถขับเข้าไปกลางป่ายูคาลิปตัส บ้านวังมะกูด ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี ห่างจากบ้านราว 6 กม. นำศพไปเผานั่งยางทำลายหลักฐาน ก่อนหลบหนีไปกบดานอยู่บ้านญาติ จ.สระแก้ว กระทั่งตำรวจตามมาจับกุมตัว หลังสอบสวนตำรวจพาผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เผาศพเหยื่อสาวก่อนควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.กบินทร์บุรี
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ย. พ.ต.อ.วัลลพ กังธาราทิพย์ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ภ.จ.ปราจีนบุรี รรท.ผกก.สภ.กบินทร์บุรี นำกำลังตำรวจควบคุมตัวนายบุญหลาย ผู้ต้องหา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปราจีนบุรี และหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานกบินทร์บุรี ไปร่วมชันสูตรศพ น.ส.ขิ่น สภาพถูกไฟเผาไหม้เกรียมทั้งร่างจนเหลือแต่โครงกระดูก มีเส้นลวดยางรถยนต์ 2 วงชิ้นส่วนขาขวาหลุดออกจากร่างไปราว 1 เมตร ขาซ้ายห่างออกไปอีก 2 เมตร คาดว่าถูกสัตว์ป่าลากไปกัดแทะ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเก็บรวบรวมชิ้นส่วนศพทั้งหมดนำส่ง รพ.กบินทร์บุรี
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกที่เผานั่งยางศพ จุดที่สองห่างไปประมาณ 4 กม.ที่นำขวดน้ำมันไปโยนทิ้งข้างทาง จุดที่สามบ้านของผู้ต้องหา ที่เข้าไปนำถังน้ำมันพร้อมสายยางและยางรถยนต์ 2 เส้นที่ใช้เผาศพ และจุดที่สี่ในสวนปาล์มที่ผู้ต้องหาข่มขืนบีบคอฆ่าเหยื่อสาวก่อนนำศพไปซุกในสระน้ำ ขณะให้ผู้ต้องหานำชี้จุดที่นำศพขึ้นจากสระน้ำใส่ท้ายรถกระบะ ปรากฏว่ามีคนงานชาวพม่าที่ทราบข่าวทยอยเดินทางมามุงดูด้วยความเคียดแค้นแทนเพื่อนร่วมชาติ ตำรวจหวั่นเกรงจะไม่ปลอดภัยต้องรีบนำตัวผู้ต้องหากลับโรงพัก
พ.ต.อ.วัลลพ กังธาราทิพย์ รรท.ผกก.สภ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า เป็นนโยบายของ ผบช.ภ.2ว่าถ้ามีคดีประเภทนี้ต้องรีบสืบสวนสอบสวนโดยเร็ว หลังจากตำรวจรับแจ้งความคนหายแล้วได้สืบสวนพยานแวดล้อมจนทราบตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายบุญหลาย เฝ้าติดตามพฤติกรรมการหลบหนีพร้อมไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิด กระทั่งติดตามไปจับกุมตัวได้ที่ จ.สระแก้ว นำตัวมาสอบสวนจนยอมรับสารภาพ เบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหาคือ ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ