ช้างป่ารอยต่อ 5 จังหวัด บุกทำลายพืชผล เกษตรกรแปลงใหญ่ไผ่ ท่าตะเกียบ ต้องผนึกกำลังปลูกไผ่ตง ส่งหน่อไม้ออกขายห้างดัง และตลาดสดหลายจังหวัด สร้างรายได้ 3-4 ล้านต่อปี


เมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 นายประสิทธิ์ รูปต่ำ ประธานแปลงใหญ่ไผ่ หมู่ 9 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า อ.ท่าตะเกียบ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งพื้นที่แถบนี้มักประสบปัญหาช้างป่าเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตร เนื่องจากมีช้างป่าอาศัยและหากินจำนวนมาก เกษตรกรในพื้นที่จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนมาปลูกไผ่ตงแทนพืชชนิดอื่นที่ช้างชอบกิน เนื่องจากไผ่ในป่าธรรมชาติมีมาก จึงไม่เป็นเป้าหมายของช้างป่า ที่สำคัญเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจำหน่ายได้แทบทุกส่วน ทั้งหน่อ ลำ รวมถึงกิ่งพันธุ์ ต่อมาเกษตรกรจึงได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็น "วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกไผ่อำเภอท่าตะเกียบ" ขึ้น จนกระทั่งในปี 2561 ได้เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมกันผลิต และจำหน่าย ปัจจุบันแปลงใหญ่ไผ่มีสมาชิกจำนวน 40 ราย พื้นที่ปลูก 352 ไร่ โดยสมาชิกทั้ง 40 ราย ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) รายบุคคล

...

นอกจากนี้ กลุ่มฯมีการดำเนินการตามแนวทาง "การตลาดนำการผลิต" โดยได้รวบรวมผลผลิตทั้งหมดจากสมาชิก ส่งไปจำหน่ายยังตลาดไท จ.ปทุมธานี ตลาดผักร่วมใจ และตลาดต่างๆ ใน จ.นครปฐม สระบุรี ราชบุรี และห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขานครนายก ฉะเชิงเทรา และศูนย์กระจายสินค้า จ.พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร ซึ่งแปลงใหญ่ไผ่ อ.ท่าตะเกียบ ขึ้นชื่อในเรื่องของหน่อไม้ที่มีรสชาติ หวาน กรอบ อร่อย หน่อใหญ่ อวบ และน้ำหนักดี หน่อสวยน่ารับประทาน จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ตอบโจทย์ตลาด สามารถสร้างรายได้ประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อปี

กลุ่มได้มีการบริหารจัดการตามหลักการโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เช่น จัดตั้งคณะกรรมการบริหารกลุ่ม มีการจัดประชุมทุกเดือน เพื่อสรุปผลการดำเนินงานในช่วงเดือนที่ผ่านมา และยังได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการเกษตรในทุกด้าน ทั้งการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ และจัดทำแผนเพื่อพัฒนากลุ่ม 5 ด้าน โดยมีการกำหนดเป้าหมายในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพ การตลาด และการบริหารจัดการเชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่การผลิต รวมทั้งได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 3 ล้านบาท จากโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งกลุ่มนำเงินมาใช้เพื่อพัฒนาในด้านการผลิต โดยการจัดซื้อมูลไก่เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และรถไถพร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง เพื่อเพิ่มศักยภาพธนาคารปุ๋ยของกลุ่ม และสามารถลดต้นทุน ส่วนการพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน กลุ่มได้จัดซื้อเครื่องซีลสุญญากาศ เครื่องอัดกระป๋อง หม้อต้ม สำหรับแปรรูปผลผลิต ทั้งยังจัดสรรรายได้คืนกลับให้สมาชิก ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นสู่การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน.