ทร.จะนำเรือพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเรือพุทธเลิศหล้านภาลัย เปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงท่องเที่ยว ได้สัมผัสเรือฟริเกตที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับและต่อต้านเรือดำน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพเรือ จะนำเรือพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเรือพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ปลดประจำการแล้ว อายุกว่า 40 ปี และเข้าประจำการในกองทัพเรือมาเกือบ 30 ปี ทำเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงท่องเที่ยว เปิดให้ประชาชนเข้าชมวันแรกวันที่ 8 กันยายน 2563 นี้ มีอัตราค่าบริการเป็นค่าใช้จ่ายในการให้บริการเยี่ยมชม 200บาท/คน สำหรับตารางเข้าชม จะเริ่มต้นด้วยการขึ้นเรือที่ท่าเรือกลางอ่าว กองเรือยุทธการ (การเดินทางสามารถเดินทางได้เที่ยวละ 25 คน) วันธรรมดาวันละ 1 รอบ เวลา 14.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์วันละ 2 รอบ เวลา 09.00 น. และ 14.00 น.

รายละเอียดการเยี่ยมชม ประกอบด้วย 15 นาทีแรก เป็นการขึ้นเรือเพื่อชมทัศนียภาพ บริเวณชายหาดกองเรือยุทธการ (กร.) เลียบไปยังสะพานตำรวจน้ำ อำเภอสัตหีบ จนถึงแหล่งการเรียนรู้เชิงท่องเที่ยวเรือพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 60 นาทีต่อไป เป็นการขึ้นเรือพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เพื่อท่องเที่ยวเรือตามอัธยาศัย ภายในเส้นทางที่กำหนด เดินทางกลับท่าเรือกลางอ่าว 15 นาที ผ่านเรือหลวงจักรีนฤเบศร และ รล.ภูมิพลอดุลยเดช และอู่ราชนาวีมหิดล กรมอู่ทหารเรือ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เรือตรีอำนาจ สุขพุ่ม หัวหน้าชุดเฝ้าเรือพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โทร. 085-0876594

...

กองทัพเรือไทย จัดหา เรือฟริเกตชั้นน็อกซ์ (Knox) มือสอง จากกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยมี จำนวน 2 ลำ คือ เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือเดิม คือ FF-1095 USS Truett เข้าประจำการเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2537 และ เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเดิมคือ FF-1077 USS Ouellet ซึ่งเข้าประจำการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2539 เดิมทีนั้น กองทัพเรือมีความต้องการในการจัดหาเรือฟริเกตชั้น Knox จำนวน 4-6 ลำ ในช่วงก่อน ปี 2540 แต่ได้ปรับลดเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ จนเหลือเพียง 2 ลำ

เรือฟริเกตชั้นน็อกซ์ มีระบบเรดาร์ตรงจจับผิวน้ำและทางอากาศ และระบบโซนาร์ ทั้งแอคทีฟและแพสซีฟ และโซนาร์ลากท้าย รวมทั้งโรงเก็บแฮลิคอปเตอร์ เพื่อปฏิบัติการร่วมกับ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ เพื่อใช้ในการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำโดยเฉพาะ ทั้งนี้สหรัฐฯ ได้ปฏิเสธที่จะเสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ที่เป็นรุ่นปรับปรุงช่วงแรก ที่ติดตั้งแท่นยิง Mk25 สำหรับ RIM-7 Sea Sparrow โดยได้เสนอแผนปรับปรุงอีกแบบที่ติด CIWS แบบ Phalanx ขนาด 20 มม.แทน 

เรือชุด เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทั้งสองลำนั้นเป็นเรือฟริเกตชั้น Knox รุ่นที่ติดตั้งระบบป้องกันตัวระยะประชิด CIWS แบบ Phalanx ขนาด 20 มม. ปืนเรือขนาด 5 นิ้ว และ แท่นยิงอาวุธปล่อยแบบ MK.16 ที่มีลักษณะเหมือนกล่องบริเวณหน้าเรือเพื่อใช้ยิง อาวุธปราบเรือดำน้ำจรวดแอสร็อค เนื่องจากเรือฟริเกตชั้นนี้อาวุธที่ใช้ในการรบผิวน้ำยังมีเพียงแค่ปืนเรือ ต่อมาทางกองทัพเรือสหรัฐ จึงมีการดัดแปลงให้สามารถปล่อยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำฮาร์พูน ได้จากแม่นยิงอาวุธปล่อยแบบ MK.16 และสามารถเก็บลูกสำรองได้อีก 2 ลูกในแม็กกาซีนของจรวดแอสร็อค พร้อมกับแท่นปล่อยตอร์ปิโด MK.32 เพื่อปล่อยตอร์ปิโดนำวิถีปราบเรือดำน้ำแบบ MK.46 

โดยก่อนหน้านั้นกองทัพเรือ มีโครงการต้องการจัดหาเรือพิฆาตชั้น Charles F. Adams มือสองจากสหรัฐฯ ซึ่งปลดประจำการในช่วงใกล้เคียงกัน เนื่องจากต้องการเรือที่มีแท่นยิง Mk13 สำหรับยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ RIM-66 Standard หรือ SM-1 ไว้ใช้ต่อต้านอากาศยาน แต่ทางสหรัฐฯ ได้เสนอเรือฟริเกตชั้น Knox ซึ่งตัวเรือมีอายุการใช้งานน้อยกว่าให้กองทัพเรือแทน

เหตุผลที่กองทัพเรือปลดประจำการ เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ก่อน เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็เนื่องจากอายุการใช้งานตัวเรือโดยรวมที่มากกว่า เพราะเดิมนั้น FF-1077 USS Ouellet นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯช่วงปี 1970–1993 ซึ่งตัวเรือได้ผ่านการปรับปรุงตัวเรือใหม่มาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะส่งมอบให้กองทัพเรือไทยประจำการเป็น เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะที่ FF-1095 USS Truett นั้นเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ ช่วงปี 1974–1994 และส่งมอบให้กองทัพเรือไทยแบบ Hot Transfer ในปีเดียวกันที่ปลดคือ พ.ศ.2537.