องคมนตรี ลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อติดตามโครงการก่อสร้าง "อ่างเก็บน้ำใสน้อยใสใหญ่" อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของ "ในหลวง ร.9" เพื่อพัฒนาต้นน้ำลำธาร จัดหาแหล่งน้ำให้ราษฎรใช้ทำการเพาะปลูกทั้งในฤดูฝน-ฤดูแล้ง และมีน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคตลอดปี
เมื่อวันที่ 16 มี.ค.63 พล.อ.อ ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคกลาง และ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ พร้อมคณะอนุกรรมการฯได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่จะก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำใสน้อยใสใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เพื่อรับฟังรายงานแนวทางในการดำเนินงาน สภาพพื้นที่ ตลอดถึงปัญหาอุปสรรคข้อจำกัดจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และความต้องการของราษฎร รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการฯ ณ องค์การบริหารส่วน ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำใสน้อยใสใหญ่ฯ เป็นผลมาจากเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2521 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาต้นน้ำลำธารปราจีนบุรี โดยให้พิจารณาสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ 3 เขื่อน ได้แก่เขื่อนห้วยพระปรง เขื่อนห้วยยางและเขื่อนห้วยโสมง เพื่อจัดหาน้ำให้ราษฎรใช้ทำการเพาะปลูกทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง และมีน้ำเพื่อการอุปโภค- บริโภคตลอดปี และได้มีพระราชดำรัสเพิ่มเติมในอีกหลายโอกาส ต่อมาในวันที่ 19 ม.ค.2561 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา การนี้ได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทาน ดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ จ.นครนายก อ่างเก็บน้ำใสน้อยใสใหญ่ จ.ปราจีนบุรี และอ่างเก็บน้ำลำพระยาธาร จ.ปราจีนบุรี โดยให้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรใน จ.นครนายก และ จ.ปราจีนบุรี ต่อไป
...
ด้าน นายรุ่งโรจน์ โตมาก กำนันตำบลสะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ต.สะพานหินเป็นพื้นที่ต้นน้ำ มีลำน้ำใสน้อยใสใหญ่ไหลผ่านก่อนลงสู่ลำแควหนุมานผ่าน อ.กบินทร์บุรี ไปสู่แม่น้ำปราจีนบุรี ก่อนลงแม่น้ำบางปะกง และออกสู่ทะเลต่อไป โดย ต.สะพานหิน จะเป็นพื้นที่ต้นน้ำเมื่อถึงฤดูฝนจะเกิดน้ำหลากไหลลงเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงหน้าแล้งก็เกิดความแห้งแล้งเนื่องจากในพื้นที่ไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำ ในขณะที่ลำน้ำสาขาขนาดเล็กในพื้นที่ เช่น คลองจะกล่ำ คลองกระทุ่ม ที่น้ำไหลมาจากเทือกเขาใหญ่ ซึ่งก็จะไปรวมกันที่แควหนุมาน ช่วงหน้าฝนจะเกิดน้ำหลากและท่วมขังบริเวณที่ราบเชิงเขาไม่สามารถทำการเกษตรได้
"ตั้งแต่แก่งหินเพิงไปถึงใสน้อยใสใหญ่จะไม่มีฝายชะลอน้ำ ในขณะที่น้ำในลำห้วยหนุมานก็จะไหลลงแม่น้ำปราจีนทั้งหมด ที่ผ่านมาจะแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าทุกปีด้วยการนำกระสอบทรายไปวางกั้นลำน้ำ เพื่อให้น้ำขังในพื้นที่ให้มากเท่าที่จะทำได้ และนำน้ำส่วนนี้ไปใช้ทำการเกษตร แต่เมื่อถึงหน้าฝนน้ำจะชะกระสอบทรายเหล่านั้นไปกับสายน้ำหมด ทุกปีจึงต้องนำกระสอบทรายมาสร้างแนวกั้นน้ำใหม่จึงจะมีน้ำใช้" นายรุ่งโรจน์ ล่าว
ส่วนอาชีพของราษฎรในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรทำนา ปลูกผัก ปลูกข้าวโพด ปลูกมันสำปะหลัง และเริ่มมีทำสวนผลไม้มากขึ้น อาทิ ทุเรียน เงาะ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน นอกจากนี้มีเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู และเลี้ยงปลาในบ่อ ราษฎรในพื้นที่รู้สึกดีใจที่คณะองคมนตรีได้เดินทางมาติดตามและเร่งรัดการก่อสร้างโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ราษฎร ต.สะพานหินและตำบลใกล้เคียงมีความคาดหวังมาก และรู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงให้ความสำคัญในชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาว อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ราษฎรทุกคนในพื้นที่ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำใสน้อยใสใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เป็นเขื่อนดินแบบแบ่งโซน (Zone Type Dam) ความสูง 60 เมตร ยาว 3,130 เมตร ความจุอ่างฯที่ระดับเก็บกักปกติ 334.43 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ผิวอ่างฯที่ระดับน้ำนองสูงสุด 8,129 ไร่ และเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 มติที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 เห็นชอบให้ศึกษา EIA ดูความเหมาะสมของพื้นที่ว่าสามารถปรับโครงการให้มีขนาดเล็กลงได้หรือไม่ หรือขยับพื้นที่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยมอบให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พิจารณาดำเนินการศึกษาแนวทางการพัฒนาโดยใช้รูปแบบที่เหมาะสมส่งผลกระทบน้อย ทั้งนี้ต้องไม่ตั้งเป้าหมายที่การพัฒนาอ่างเก็บน้ำเพียงอย่างเดียว และทาง สทนช.ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินการศึกษาเพื่อประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) ในโครงการพัฒนาน้ำต้นทุนลุ่มน้ำปราจีนบุรี-บางปะกง คาดว่ารายงานฉบับกลางจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พฤศจิกายน 2563 นี้ พร้อมกันนี้ทางกรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาแผนการพัฒนาแหล่งน้ำ และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำใสน้อยใสใหญ่ เพื่อประกอบการขอเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต่อคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ พร้อมทั้งเสนอคณะอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองพื้นที่มรดกโลก (ประเทศไทย) โดยจะดำเนินการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามแนวทางของ "โครงการห้วยโสมง" เป็นเกณฑ์ สำหรับผลประโยชน์ที่จะได้รับหลังโครงการฯ แล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 283,900 ไร่ ได้แก่พื้นที่ชลประทานฝั่งซ้าย 3,400 ไร่ พื้นที่ชลประทานฝั่งขวา 19,000 ไร่ พื้นที่ชลประทานท่าแห 60,000 ไร่ พื้นที่ชลประทานท่าแหส่วนขยาย 25,000 ไร่ พื้นที่ชลประทานโครงการบางพลวง 143,500 ไร่ โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า (ของ พพ.) 9,000 ไร่ และโครงการฝายปราจีนบุรี 25,000 ไร่ ขณะที่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและปศุสัตว์ตลอดถึงน้ำอุปโภค-บริโภค และการบรรเทาอุทกภัยในเขต อ.เมืองปราจีนบุรี อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี อ.ประจันตคาม และสองฝั่งของแม่น้ำปราจีนบุรี ก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการฯนี้ด้วย
...