ระทึก!! รถบรรทุกเอมานอลกว่า 40,000 ลิตรพลิกคว่ำสารรั่วไหลลงข้างทางจนเกิดไฟไหม้ลุกท่วมทั้งคัน รองผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ผ่านมาพอดีจึงกระโดดลงอำนวยการ สั่งปิดการจราจรถนนสาย 304 นากว่า 3 ชั่วโมง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมระงับเหตุ ก่อนควบคุมสถานการณ์เปิดเส้นทางได้ตามปกติ...

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.62 ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิทูลย์ พนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำ จนเกิดไฟไหม้ลุกลามไปตามถนนโดยรอบพื้นที่ บริเวณถนน 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ใกล้เคียงวัดโพธิ์ใหญ่ พื้นที่ ม. 4 ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เบื้องต้นได้ประสานรถน้ำดับเพลิงในพื้นที่และอาสาสมัครกู้ภัยพนมรุดเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณล่องกลางถนนพบรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ พลิกตะแคงข้างขวางถนน เปลวเพลิงได้โหมลุกไหมบริเวณห้องเครื่องยนต์ และป่าหญ้าโดยรอบ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้พยายามฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และฉีดน้ำหล่อเลี้ยงถังบรรจุน้ำมันไว้ไม่ให้เกิดความร้อน เพราะอาจจะระเบิดได้ แต่ก็ไม่สามารถฉีดน้ำเข้าไปในถังน้ำมันได้ เนื่องจากภายในถังเป็นเอทานอลแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จึงพยายามฉีดน้ำเลี้ยงไว้

...

ขณะนั้นนายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เดินทางผ่านมาหลังออกจากพื้นที่อำเภอแปลงยาว จากรณีไฟไหม้โรงงานเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา จึงได้อำนวยการสถานการณ์เหตุการณ์ไฟไหม้รถบรรทุกน้ำมันในครั้งนี้ พร้อมสั่งการให้ปิดถนน 304 ทั้งขาเข้าและขาออก เนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับรถยนต์ที่จะสัญจรผ่านไปมานานกว่า 3 ชั่วโมง จนเจ้าหน้าที่สามารถดับไฟควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ก่อนนำรถเครนมายกรถบรรทุกน้ำมันที่กีดขวางทางจราจร พร้อมเปิดเส้นทางการจราจรตามปกติ

จากการสอบสวนทราบว่า รถบรรทุกคันดังกล่าว เป็นของบริษัท พรวัฒนา ซีแอล จำกัด ตั้งอยู่อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หมายเลขทะเบียน 71-9128 ชลบุรี มีนายยานพัฒน์ โสภา อายุ 42 ปีเป็นคนขับ ซึ่งได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่กู้ภัยพนมได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพนมสารคามไปก่อนหน้านี้ เบื้องต้นทราบว่า รถบรรทุกน้ำมันเอทานอลแอลกอฮอล์ จำนวน 40,000 ลิตร ออกมาจากโรงกลั่นในพื้นที่ ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม กำลังจะนำไปส่งยังพื้นที่จังหวัดชลบุรี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถได้เกิดขัดข้องและเสียการทรงตัว ก่อนพลิกคว่ำ ครูดไถลพื้นมาไกลกว่า 200 เมตร จนเกิดประกายไฟลุกลามไหม้รถเสียหาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เดินทางไปสอบสวน คนขับรถบรรทุกอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง.