ตำรวจเรียกกลุ่มวัยรุ่นสอบปากคำ คดีทำร้าย นศ.อาชีวะเสียชีวิต ที่ระยอง เบื้องต้นทุกคนสารภาพอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ปฏิเสธร่วมทำร้ายผู้ตาย ตร.นัดสอบเพิ่มอีก 14 มิ.ย.นี้ ด้านพ่อผู้ตายกังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังคดีไม่คืบ เชื่อมีอิทธิพลหนุนหลังช่วยเหลือ มั่นใจมีคนลงมือทำร้ายลูกชายมากกว่า 1      

จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคน เข้ารุมทำร้าย นายอานนท์ หรือโฟลก์ พึ่งอำพล อายุ 18 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชื่อดังใน จ.ระยอง แผนก ช่างยนต์ ลูกชายเจ้าของอู่ทำรถชื่อดังบ้านค่ายจนเสียชีวิต บริเวณหน้าร้านขายรถมือสอง ในพื้นที่ ต.หนองตะพาน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีปากเสียงกันระหว่างใช้รถบนถนนนั้น ล่าสุดหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.ท.พูนศักดิ์ นานันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ทราบชื่อ นายวรุตน์ หรือบูม ชาวเนิน อายุ 23 ปี เบื้องต้นให้การสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ตายเพียงคนเดียว โดยได้เตะก้านคอตกจาก จยย.และหมดสติไป ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต หลังจากนั้นจึงพากันหลบหนี

ต่อมาเวลา 11.00 น.วันนี้ (11 มิ.ย.) พ.ต.ท.พูนศักด์ นานันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้เรียกกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์นั่งบนรถกระบะสีดำคันที่ใช้ก่อเหตุ มาสอบปากคำจำนวนทั้งหมด 5 คน มี 1 คน เป็นชาวพม่า ที่นั่งท้ายรถกระบะในคืนเกิดเหตุรุมทำร้ายยังไม่มาให้การ คาดว่าจะตามตัวมาสอบปากคำในภายหลัง 

จากการสอบสวน นายชนะพล แสงอรุณ อายุ 23 ปี กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ในคืนนั้นจริง แต่ไม่ได้รุมทำร้ายร่างกาย นายอานนท์ จนเสียชีวิตบอกว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายวรุตม์ หรือบูม ทำร้ายร่างกายเพียงคนเดียว ส่วนอีก 4 คนนั้น เป็นชายอายุยังไม่ครบ 17 ปี เป็นเยาวชนทั้งหมดโดนเรียกสอบปากคำทีละคน ทุกคนต่างสารภาพว่าได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ร่วมก่อเหตุแต่อย่างได ให้การปฏิเสธทั้งหมด ทั้งนี้มีทนายของฝ่ายผู้อยู่ในเหตุการณ์มานั่งฟังอยู่ข้างๆ หลังจากสอบสวนเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวกลับไป โดยตำรวจบอกว่า ยังคงต้องหาพยานและหลักฐานเพิ่มเติมอีก และได้นัดกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดมาสอบปากคำอีกครั้งในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ต่อหน้าอัยการ สหวิชาชีพจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์

...

ด้าน นายอาทิตย์ พึ่งอำพล พ่อผู้ตาย กล่าวว่า รู้สึกกังวลคดีของลูกชาย จะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะจนถึงขณะนี้คดียังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ น่าจะเป็นกลุ่มผู้กว้างขวางมีอิทธิพล สังเกตเห็นว่ามีการตั้งทนายเข้ามามอบตัว จึงกังวลและหวั่นเกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก ซึ่งส่วนตัวนั้นกำลังหาพยานหลักฐาน หากล้องจุดเกิดเหตุมากกว่านี้ เพื่อเอาผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และเชื่อว่าจะมีคนร่วมก่อเหตุมากกว่า 1 คน แน่นอน