ชาวสัตหีบฮือต้านนายทุนฮุบ ป่าเฉลิมพระเกียรติเขามะละกอนำเจ้าหน้าที่ที่ดินเข้ามารังวัดแนวเขต ชาวบ้านแฉเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ตั้งแต่ปู่ย่าตายายรวม 24 ไร่ เป็นทำเลทองมองเห็นวิวถึงพัทยา มีมูลค่ามหาศาลกว่า 200 ล้านบาท ทำให้นายทุนต่างจ้องเข้าถือครอง ที่ผ่านมามีการบุกรุก และถูกจับมาหลายรอบ ขณะที่เจ้าของอ้างสิทธิครอบครองที่ดินต่อจากปู่ สุดท้ายชาวบ้านยืนกรานไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รังวัดจนต้องยกทัพกลับกลางคัน

ชาวบ้านรวมตัวต้านนายทุนรุกที่ป่าสาธารณประโยชน์นำเจ้าหน้าที่ที่ดินเข้าไปรังวัดเพื่อออกโฉนดจนต้องยกเลิกกลางคัน เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มี.ค. ชาวบ้านใน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กว่า 50 คนไปรวมตัวกันบริเวณเชิงเขามะละกอ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ หลังทราบว่ามีนายทุนลักลอบเข้ามายึดครองที่ดินป่าเขามะละกอ และนัดเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ เข้ามารังวัดชี้แนวเขต และลงชื่อรับรองเพื่อออกโฉนดที่ดิน โดยมีนายกันต์ พรหมรักษา อายุ 33 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณรอบเขามะละกอ และเป็นผู้ขอรังวัดชี้แนวเขต และลงชื่อรับรองเขตที่ดิน

...

ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วยอำเภอสัตหีบ เทศบาลตำบลเขาชีจรรย์ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชบ.1 (บ่อทอง) ชุดประสานงาน ประจำพื้นที่กองทัพเรือที่ 4 มทบ.14 กองกำลังรักษาความสงบ คสช. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาจอมเทียน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยืนยันว่า จะไม่ยอมให้สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ เข้ารังวัดชี้แนวเขตเด็ดขาด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ทำให้ต้องยกเลิกการรังวัดออกไปก่อน

นายกันต์ พรหมรักษา ที่สิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดิน เปิดเผยว่า ได้ครอบครองที่ดินต่อจากปู่คือนายสุเทพ พรหมรักษา ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากนายอรุณ พรหมรักษา บิดามีครอบครัวและย้ายไปเมื่อปี 2542 ทำให้ตนอยู่ดูแลปู่ย่ากับพี่สาวในวัยชรา ปู่และย่าปลูกต้นยูคาลิปตัสเพื่อแสดงแนวเขตที่ดินและสร้างบ้านพักอาศัยเมื่อปี 2535 ต่อมาปี 2538 ปลูกบ้านหลังที่ 2 และปี 2540 ปลูกบ้านหลังที่ 3 หลังจากปู่ถึงแก่กรรม 7 เดือนพี่สาวถูกฆาตกรรม ที่ดินส่วนใหญ่เลยถูกบุกรุกโดยผู้มีอิทธิพล ตนก็ดูแลที่ดินมาอย่างต่อเนื่อง

นายกันต์กล่าวอีกว่า กระทั่งปี 2558 มีกลุ่มนายทุนนำเอกสารสิทธิมาข่มขู่ขับไล่ทุบทำลายที่พักอาศัย เลยไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมและหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่กล้าไปแสดงสิทธิ์ เนื่องจากกลัวถูกทำร้าย ทำให้นายทุนขุดทำลายต้นยูคาลิปตัสและต้นไม้อื่นที่เคยปลูกไว้บางส่วนออกไป ปัจจุบันไม่ได้พักอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้นายอำเภอสัตหีบและเจ้าพนักงานที่ดินชลบุรีได้รับเรื่องร้องทุกข์และอยู่ในขั้นตอนการแสดงสิทธิ์การครอบครอง

ด้านนายเอก โพธิ์ศรี ตัวแทนชาวบ้านที่รวมตัวต่อต้านการยึดครองที่ดินดังกล่าว กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านมารวมตัวกัน เนื่องจากมีการขอรังวัดที่ดินโดยมิชอบ เห็นว่าไม่ถูกต้องและมิชอบ อย่างเอกสารที่ดินที่กรมที่ดินเอามาวันนี้มันก็ขัดกันเองทั้งเอกสารและเรื่องกฎหมาย เจ้าหน้าที่น่าจะกลับไปศึกษาก่อน ตนไม่รู้กฎหมาย แต่เอาความเป็นจริง มาพูด พื้นที่ตรงนี้เป็นเขามะละกอตั้งแต่ปู่ย่าตายาย สมัยก่อนราชการก็ยังไม่ออกเอกสารสิทธิให้เลย แต่
ตอนนี้มีคนมาขอร้องออกเอกสารสิทธิเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยมีกลุ่มนายทุนหนุนหลังขบวนการอยู่ อยากร้องขอหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ยืนอยู่บนความเป็นจริงบ้าง

“พวกเราชาวบ้านออกมารวมตัวคัดค้านกันขนาดนี้ เพราะอยากรักษาพื้นที่บริเวณเขามะละกอรวมแล้ว 24 ไร่ เพราะมีกลุ่มนายทุนจ้องจะเอา ที่ผ่านมาพวกเราชาวบ้าน และหน่วยราชการก็มาช่วยกันจับผู้บุกรุกกันหลายรอบแล้วทั้งเครื่องจักร ทั้งคน ไม่รู้จะกี่รอบแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มนายทุนเข้ามาอยู่ดี วันนี้ก็ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงขอรังวัดได้ เนื่องจากทุกหน่วยงานก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ วันนี้ก็มีมาขอรังวัด แต่ยังมีอีกคนในวันที่ 2 พ.ค. ที่จะขอออกรังวัดในพื้นที่แปลงนี้เหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานราชการจะดำเนินการยังไง” นายเอกกล่าวและว่า พวกเรา ยืนยันจะต่อต้านนายทุนทุกคนให้ถึงที่สุด ที่ดินแห่งนี้มีราคามหาศาลกว่า 200 ล้านบาท ทำเลดีเห็นวิวไปถึงพัทยา สวยงามมาก และติดสนามกอล์ฟ ทำให้เป็นที่จ้องมองของกลุ่มนายทุน

มีรายงานว่าบริเวณเขามะละกอเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ทุกหน่วยงานในพื้นที่และประชาชนร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา แต่ก็มีกลุ่มนายทุนเข้ามาบุกรุกแผ้วถางป่าเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาชาวบ้านทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งกลุ่มนายทุนยึดป่าชุมชน และร่วมกันปักป้ายกรมป่าไม้เพื่อแสดงสัญลักษณ์แนวป่าธรรมชาติเป็นป่าตามมาตรา 4 (1) แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ห้ามแผ้วถางป่าหรือเข้ายึดถือครอบครอง ฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ก็ยังมีกลุ่มบุคคลเข้ามาบุกรุกแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ตลอดเวลา

...