เปิดประวัติ 'พระพุทธรูปเขาชีจรรย์' จุดที่ 'เสี่ยอ้วน' สังหารโหดฆ่าน้องสปายและฟอส เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างมาแล้วกว่า 20 ปี...
ถึงกับขนลุก! เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังสอบปากคำ นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ 'เสี่ยอ้วน' ผู้ต้องหาคนสำคัญ คดีฆ่าน้องสปายและน้องฟอส ว่า สถานที่ก่อเหตุบริเวณเขาชีจรรย์ เสี่ยอ้วนคิดว่าที่เกิดเหตุเป็นเพียงรูปแกะสลักธรรมดา เมื่อรู้ว่าเป็นพระ ทางเสี่ยอ้วนเสียใจมาก โดยบอกขณะยิงปืนกระสุนไม่ลั่น 2 นัด นอกจากนี้เท่าที่คุยกับเสี่ยอ้วนพบว่าพูดรู้เรื่อง
ขณะที่ ทีมข่าวเจาะประเด็น ได้สืบค้นประวัติการก่อสร้างและความเป็นมาของ พระพุทธรูปแกะสลักหินหน้าผาเขาชีจรรย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัด
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเสียดายเขาชีจรรย์ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลายทุกวัน จึงทรงดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์ให้คงชื่ออยู่คู่กับเขาชีโอน ซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาเขาชีจรรย์ให้เป็นปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ถึง พ.ศ.2533 คณะกรรมการกำหนดรูปแบบ พระพุทธรูปแกะสลักหินหน้าผาเขาชีจรรย์ ซึ่งตั้งโดยคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้กำหนดข้อยุติสร้างพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัวบัลลังก์สูง 21 เมตร รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร เป็นแบบนูนต่ำ
...
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา" มีความหมายว่า "พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ"
ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย ปรมาจารย์ทางธรณีวิทยาของไทย เป็นผู้ที่ทำให้โครงการ 'มหัศจรรย์' นี้ กลายเป็น 'ฝันที่เป็นจริง' เพราะก่อนหน้านั้นเกือบจะกลายเป็น 'หมัน' ไปซะ ด้วยว่าบรรดานักวิชาการทั้งไทยและเทศ (จีน) ที่เชิญมาดูที่หน้าผา ต่างพากันส่ายหัว แล้วพากันชัวร์ว่า 'ไม่น่าจะเป็นไปได้' ด้วยราคาและเวลาอันจำกัดขนาดนี้ (น้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหินประจำรัชกาลที่ 9 ในวาระทรงครองราชย์ ครบ 50 ปี)
สำหรับการก่อสร้าง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (เอ.ไอ.ที) เป็นผู้ดำเนินการกลั่นกรองบริษัทเอกชนที่เหมาะสมในการก่อสร้าง ซึ่ง ดร.วิบูลย์ แสงวีระพันธุ์ศิริ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์ฯ ออกแบบการปรับแต่งผิวหน้า นายกนก บุญโพธิ์แก้ว รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบองค์พระ และในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2538 นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ว่าจ้างบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บลาสเตอร์ เป็นผู้ทำการก่อสร้างในราคา 43,305,800 บาท
ขณะที่ งานระยะแรก เริ่มจากการสำรวจเพื่อการปรับแต่งผิวหน้าผา และกำหนดความลึกของลายเส้นขององค์พระ จากนั้นจึงระเบิดปรับเกลา จากนั้นงานระยะที่สอง ทำการสแกนภาพต้นแบบของพระพุทธรูปไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วบันทึกโปรแกรมส่งไปยังสแกนเนอร์ แล้วควบคุมการยิงเลเซอร์เพื่อวาดภาพบนเขา ซึ่งการฉายแสงวาดภาพบนเขา ต้องทำในเวลากลางคืนเพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากผิวหน้าผามีการแตกและช้ำมาก รวมทั้งฝนยังตกลงมาทำให้การทำงานมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ในที่สุดก็สามารถเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยในวันที่ 31 กรกฎาคม 2539 มีการประกอบพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาเขาชีจรรย์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเบิกพระเนตร และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระอุระของพระพุทธรูป เพื่อให้เกิดเป็นสิริมงคลสืบไป.