คกก.สืบสวนข้อเท็จจริง ลงพื้นที่ตรวจอาหารกลางวัน ร.ร.อนุบาลขอนแก่น โดยจะตรวจการบริหารจัดการ การจัดซื้อจัดจ้าง คุณภาพอาหาร ครบ 5 หมู่หรือไม่ เพื่อรายงานผู้ว่าฯ สรุปผลสอบใน 7 วัน...

เมื่อ 10.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน 2561 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของจังหวัด โดยมี นายชำนาญ ทองดี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าคณะฯ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ สพป.ขอนแก่น เขต 1 ร่วมกันตรวจสอบอาหารกลางวันของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น หลังจากผู้ปกครองเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ผู้ปกครองร้องเรียน และในเรื่องดังกล่าวนี้ ผอ.สพป. ขอนแก่น เขต 1 ได้มีคำสั่งย้าย นายอภิชาติ นาเลาห์ ผอ.ร.ร.อนุบาลขอนแก่น ไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ขอนแก่น เขต 1 จนกว่าผลการสืบสวนสอบสวนจะแล้วเสร็จ

ต่อมาในเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องวิชาการภายในโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ดร.ภูมิพัทธ เรืองแหล่ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ขอนแก่น เขต 1 (สพป.ขอนแก่น เขต 1) กล่าวว่า กรณีอาหารกลางวันของโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ นอกจากทางจังหวัดจะตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ระดับจังหวัดแล้ว

ทาง สพป.ขอนแก่น เขต 1 ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเดียวกันด้วย โดยมีครูประจำโรงเรียนที่รู้เรื่องโภชนาการ ผู้ปกครองนักเรียน และเจ้าหน้าที่ สสจ.มาร่วมเป็นกรรมการ เพราะจะต้องตรวจสอบใน 2 เรื่องคือ เรื่องการบริหารจัดการ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดเมนูอาหาร การประกอบอาหารตรงตามเมนูที่กำหนดหรือไม่ และเรื่องที่ 2 คือ เรื่องคุณภาพ โภชนาการ ซึ่งต้องตรวจสอบว่า เมนูอาหารที่ทำมาให้นักเรียนนั้น ครบ 5 หมู่หรือไม่ และที่สำคัญมีการดำเนินการตามโปรแกรมไทยสคูลลันซ์ (Thai School Lunch) ที่เป็นนโยบายของ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ทุกโรงเรียนต้องปฏิบัติตาม และที่โรงเรียนอนุบาลขอนแก่นได้ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวหรือไม่ 

...

ผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 1 กล่าวต่อว่า ในกรณีอาหารกลางวันของโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะผู้ปกครองก็ต้องการให้ลูกได้รับประทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ ทางโรงเรียนก็คงมีความคิดแบบเดียวกัน แต่งบประมาณที่ได้มาคือ หัวละ 20 บาทต่อคน และในโรงเรียนมีนักเรียนในเทอมนี้ทั้งหมด 3,602 คนคูณด้วย 20 บาท ก็จะเป็นงบประมาณที่ได้มา และงบประมาณดังกล่าวส่วนกลางโอนงบมาที่ อปท.ในพื้นที่ ที่โรงเรียนตั้งอยู่ คือมีทั้ง อบต.และเทศบาล ในส่วนของโรงเรียนอนุบาลขอนแก่นนั้น จะได้รับการโอนงบประมาณอาหารกลางวันจากทางเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งทราบว่า มีการโอนงบมาให้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา



“สำหรับงบประมาณอาหารกลางวันนั้น ในพื้นที่ สพป.ขอนแก่น เขต 1 มีโรงเรียนทั้งหมด 156 โรงเรียน แยกเป็นโรงเรียนที่ได้รับการโอนงบประมาณจาก อปท.ก่อนวันเปิดเทอม มีจำนวน 25 โรงเรียน และโรงเรียนที่ได้รับการโอนหลังการเปิดเทอมจำนวน 50 โรงเรียน ยังเหลือโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับงบประมาณอาหารกลางวันจาก อปท.อีกจำนวน 81 โรงเรียน โรงเรียนใดก็ตามที่ยังไม่ได้รับงบประมาณอาหารกลางวันนั้น โรงเรียนต้องช่วยตัวเองด้วยการออกเงินไปก่อน ซึ่งเงินในจุดนี้ อาจจะมาจากการทำผ้าป่าหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ทางโรงเรียนจะดำเนินการ เพราะถ้ารองบจาก อปท.นักเรียนก็คงไม่ได้กินข้าว” ดร.ภูมิพัทธ กล่าว

ผู้อำนวยการ สพป.ขอนแก่น เขต 1 กล่าวอีกว่า งบประมาณหัวละ 20 บาท เพียงพอหรือไม่ อยากให้คิดกันเอาเอง แต่เชื่อว่าสามารถบริหารจัดการได้ ถ้าทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกันทั้งระบบการบริหารจัดการ และระบบคุณภาพ และขอยืนยันว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นไปในทางที่ดีที่สุดกับนักเรียนทุกคน

ด้าน นายชำนาญ ทองดี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า คณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอาหารกลางวันในโรงเรียนอนุบาลขอนแก่น ซึ่งเมื่อตรวจสอบทุกขั้นตอนก็จะนำกลับไปสรุป เพื่อรายงานข้อเท็จจริงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นทราบตามกำหนดคือ 7 วัน จากนั้นผู้ว่าราชการจะเป็นคนสรุปผลตรวจสอบทั้งหมดด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกันที่ผู้ปกครองของนักเรียนก็ได้ติดตามการลงพื้นที่ของคณะกรรมการฯ พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการฯ โดยตัวแทนผู้ปกครองได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ ต่อเนื่องกับการยื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่ครั้งนี้จึงมายื่นข้อเสนอเพิ่มเติม เพราะมีความกังวลในเรื่องภาชนะที่ใส่อาหาร รวมถึงพลาสติกที่ใส่ขนมให้นักเรียนรับประทานนั้น ไม่ใช่พลาสติกที่ควรนำมาใส่อาหารได้ รวมทั้งขอตรวจสอบอาหารกลางวันที่ทำมาให้นักเรียนในแต่ละวัน โดยเป็นการสุ่มตรวจ และจะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า.