สาววัยรุ่นวัย 17 ปี ที่ อ.ศรีราชา ขี่รถจักรยานยนต์ตัดหน้ารถพ่วง 18 ล้อ ก่อนถูกพุ่งชนทับร่างก่อนลากไปไกลกว่า 50 เมตร ร่างแหลกเสียชีวิตคาที่...


เมื่อเวลา 02.30น.วันที่ 5เมษายน 2561 ร.ต.ท.จักรพงษ์ วงค์กุลพิลาศ รองสารเวรวัตรสอบสวน สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถพ่วง18ล้อพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ตัดหน้าอย่างกระชัดชิดจนรถจักรยานยนต์เสียหลักพลิกคว่ำก่อนลากร่างไร้วิญญาณมาไกลกว่า50เมตร เหตุเกิดบริเวณใกล้เคียงประตู8เครือสหพัฒน์ หมู่ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบรุดเดินทางไปตรวจจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา

ในที่เกิดเหตุพบรถพ่วง18ล้อ ยี่ห้อ HINO หัวสีขาว หมายเลขทะเบียนส่วนหัว 72-8825 ชลบุรี หมายเลขทะเบียนส่วนหาง 73-1662 ชลบุรี ซึ่งมีนาย เอกมล เศษศรี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 ม.14 ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ แสดงตัวเป็นคนขับรถพ่วง18ล้อ โดยใต้ท้องรถพ่วง18ล้อพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA เวฟ 110 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กบ-3121 กำแพงเพชร อยู่ในสภาพพังเสียหายยับเยิน

...

ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต 1ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ น.ส.ณัฐณิชา หมอยาดี อายุ17 ปี อยู่ชาวบ้าน ม.8 ต.ห้วยยั้ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เสียชีวิตอยู่ในสภาพถูกล้อส่วนหางพ่วงด้านขวาทับล่างแหลกกระจาย นอนจมกองเลือดอยู่เต็มพื้นถนน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงต้องประสานไปที่รถเครนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมายกล้อรถที่ทับร่างผู้เสียชีวิตขึ้นเพื่อที่จะได้นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากล้อ หลังจากที่นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้สำเร็จแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้ามาบันทึกภาพสถานที่เกิดเหตุเอาไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามนายเอกมล คนขับรถพ่วง18ล้อ ให้การตำรวจว่า ขับรถพ่วงที่บรรทุกสินค้ามาเต็มรถโดยออกมาจากโรงงานที่อยู่ในเครือสหพัฒน์ และจะมุ่งหน้าไปท่าเรือแหลมฉบัง กระทั่งมาถึงในที่เกิดเหตุได้มีรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ขี่ตัดหน้ารถตนแบบไม่ทันตั้งตัว เบรกไม่อยู่ก่อนที่จะพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตอย่างแรง หลังจากเกิดเหตุนั้นตนเองไม่ได้คิดหลบหนีไปไหน และยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ

ส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเอกมลไปสอบสวน และยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายเอกมล โดยจะทำการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาข้อมูลเพิ่มเติม จากประชาชนที่เห็นเหตุการณ์มาประกอบสำนวนคดี เพื่อหาข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อีกครั้ง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากนั้นประสานญาติผู้เสียชีวิต ให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป.