กระบะซิ่งฝ่าสายฝนหลังเลิกงานชนประสานงากับรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมาจนสภาพรถพังยับเยินทั้ง 2 คัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 ศพ และบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปว่าฝ่ายไหนวิ่งข้ามเลนส์ รอสอบผู้บาดเจ็บเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
เวลา 19.30 น. วันที่ 02 ก.ย.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนประสานงา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหลายราย บนถนนสาย หนองปลาตะเพียน-หัวสำโรง จึงประสานเจ้าหน้ากู้ภัยพนมสารคาม รุดเข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พื้นที่หมู่ 2 ตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา พบรถยนต์ลักษณะชนประสานงากันกลางถนนได้รับความเสียหายยับเยินทั้ง 2 คัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยพนมสารคาม ได้ใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ออกจากรถยนต์ โตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บฉ 2417 นครนายก
สภาพด้านหน้ารถและฝั่งคนนั่งพังเสียหายยับเยิน ภายในรถพบผู้บาดเจ็บจำนวน 3 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.สุนิสา อาจเอื้อม อายุ 33 ปี, นายภานุพงษ์ ชาวนา อายุ 28 ปี และนายณัฐพงษ์ ติ๊บพรม อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำผู้บาดเจ็บออกมาจากตัวรถ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลแปลงยาว ก่อนจะเสียชีวิต 1 รายขณะนำส่ง
นอกจากนี้ภายในรถยนต์คันดังกล่าวยังพบศพผู้เสียชีวิตอีกจำนวน 2 ราย ทราบชื่อต่อมา คือนายวิทยา พิรินยวง และนายเจริญชัย ผดุงศักดิ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถได้สำเร็จ ก่อนจะเดินสำรวจและมาพบร่างของผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย นอนเสียชีวิตอยู่ในป่าหญ้าข้างทางจากแรงกระแทกก่อนลอยออกมาจากตัวรถ ทราบชื่อต่อมาคือนาย อรรถสิทธิ์ โกประเวศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพนักงาน QC ของบริษัท เอส เค ออโต้ อินทีเรีย จำกัด
...
ถัดไปเล็กน้อยพบ รถยนต์ มิตซูบิชิ ไทรตัน สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง น-9331 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ารถพังเสียหายยับเยิน มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เจ้าหน้าทีได้นำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้
จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า รถยนต์ทั้ง 2 คัน ขับมาด้วยความเร็วขณะที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ในช่วงเวลาดังกล่าว ประกอบกับถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนน 4 เลนส์และไม่มีเกาะกลางถนน อีกทั้งยังมีแสงสว่างไม่เพียงพอ อาจทำให้รถคันใดคันหนึ่ง ได้เสียการควบคุมก่อนไถลมาชนประสางากัน จนมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ซึ่งอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป.