แพะรับบาป คดีข่มขืนสาวเดนมาร์กในไร่มันสำปะหลังเมื่อปี 57 ร้องสื่อขอความเป็นธรรม เผยชีวิตครอบครัวพังนินาศ ไร้หน่วยงานดูแล หลังตร.จับคนร้ายตัวจริงได้ และถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ ขอรัฐชดเชยเยียวยาจากการติดคุกฟรี...

จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายล่อลวงนักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์ก วัย 23 ปี ไปข่มขืนกระทำชำเราภายในมันสำปะหลังในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 27 ก.ย.57 ก่อนเจ้าหน้าได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลพัทยาเพื่อติดตามตัว โดยทางญาติของผู้เสียหายได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้าย จำนวน 50,000 บาท 
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ต.ค.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายบรรเลง ฮวดเจริญ หรือ อาร์ต อายุ 32 ปี ชาวบ้าน ต.พลับพลา อ.เมือง จ.จันทบุรี มาสอบสวน แต่เนื่องจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ทั้งเส้นผม เสื้อ จึงส่งตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้านผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และขอสู้คดีในชั้นศาลเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายบรรเลง ฮวดเจริญ หรืออาร์ต ว่าตนเองตกเป็นแพะรับบาปในคดีดังกล่าว ซึ่งตำรวจสามารถจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ทำให้ตนถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ แต่กลับไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย หรือคำขอโทษใดๆ จากทางตำรวจเลย จึงอยากร้องเรียนความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว

นายบรรเลง เปิดเผยว่า ภายหลังจากตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษพัทยา(หนองปลาไหล) นานกว่า 20 วัน ระหว่างภรรยาและครอบครัวได้หาหลักฐานต่างๆ มายืนยันความบริสุทธิ์ของตน ว่าขณะเกิดเหตุตนเองอยู่กับภรรยาและลูกที่ จ.จันทบุรี ก่อนเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ คือ นายไตรรงค์ หรือบอย กลัดแก้ว อายุ 30 ปี ชาว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตนจึงถูกปล่อยตัวออกมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ห้วยใหญ่ ได้ติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 20,000 บาท แต่ตนไม่ตกลงรับเงิน เนื่องจากตนอยากให้แถลงข่าวและชี้แจงว่า ตนไม่ใช่คนร้ายในคดีดังกล่าว

...

ผู้บริสุทธิ์ที่เคยตกเป็นผู้ต้องหา กล่าวต่อว่า ภายหลังเรื่องจึงเงียบไปและไม่ได้รับการติดต่อจากทาง ตร.แต่อย่างใด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันตนและครอบครัวได้พยายามร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังศูนย์ร้องเรียนต่างๆ อาทิ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เรื่องกลับเงียบไป และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานใด จนกระทั่งพบผู้สื่อข่าวในที่สุด 

นายบรรเลง กล่าวด้วยว่า หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตนเองและครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก ตนไม่สามารถสมัครงานที่ไหนได้เลย รวมทั้งครอบครัวญาติพี่น้องไม่อาจไปทำงานที่ไหนได้อีก เนื่องจากชื่อ-นามสกุล ของตนปรากฏอยู่ในสื่อทั่วประเทศ จึงไม่มีผู้ประกอบการใดอยากร่วมงานกับตนและครอบครัว อีกทั้งตนยังไม่สามารถทำบัตรประชาชน และยังไม่สามารถแจ้งเกิดให้บุตรได้อีกด้วย ทั้งนี้ อยากขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและครอบครัว ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ตกเป็นแพะรับบาปในสิ่งที่ตนไม่ได้เป็นคนกระทำ และอยากขอจุดยืนในสังคม ได้ให้ตนและครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้ามาขอโทษ และชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้ชีวิตตนและครอบครัวพังพินาศ

ด้าน พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ คนปัจจุบัน เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในชุดจับกุมโดยมี พ.ต.อ.กำพล ลีลาประภาภรณ์ เป็นผู้กำการหัวหน้าสถานีในขณะนั้น ส่วนตนเป็นหัวหน้าสถานีคนใหม่จึงไม่ทราบข้อเท็จจริงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะประสานผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไป.