ความจริงสองด้าน ชายชราถูกลูกชายไล่ออกจากบ้านมากางเต็นท์นอนในซอย ลูกบอกพ่อทิ้งไปตั้งแต่ขวบเดียวอุตส่าห์ไปรับจากสถานสงเคราะห์มาอยู่ด้วยแต่สร้างปัญหาสารพัดทั้งดูดบุหรี่ เอาแต่ใจ ทั้งยื่นคำขาดจะไม่กลับเข้าบ้าน จนกว่าจะไล่เมียออกไป....
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 มิ.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบชายชราถูกลูกแท้ๆ ไล่ออกจากบ้าน ก่อนที่จะมาอาศัยอยู่ ข้างถนนภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้าวิลล่า 12 หมู่ 8 ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยัง นางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม อบต.เทพารักษ์ นายชาตรี อยู่วัฒนะ กำนันตำบลเทพารักษ์ เข้าตรวจสอบ
เมื่อไปถึงได้พบชายชราคนดังกล่าว สวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่สวมเสื้อสภาพร่างกายขาอ่อนแรง กำลังถือไม้เท้าเดินออกมาจากเต็นท์นอน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนในหมู่บ้าน สร้างความเวทนาให้กับชาวบ้านที่ผ่านไปมาอย่างมาก สอบถาม ทราบว่าชื่อนายน้อย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี มีชื่ออยู่ในซอยเคหะคลองเตย 4 แขวงและเขต คลองเตย กรุงเทพฯ
นายน้อย เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนพักอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จนเมื่อ 3 เดือน ก่อน ลูกชายได้ไปรับมาอยู่ด้วย โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า อยากเป็นคนดูแลพ่อเอง ตนจึงได้ติดตามอาศัยอยู่ด้วย ที่หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 12 ซอย 10 ต่อมา หลังจากตนเงินหมด ลูกชายก็ไล่ตนออกมาจากบ้าน และต่อว่าเรื่องที่ชอบสูบบุหรี่ จึงตัดสินใจออกมาอยู่บริเวณนี้ได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว ส่วนเรื่องอาหารการกิน และเต็นท์นอนได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้าน ขณะที่ลูกชายก็ไม่เคยมาเหลียวแลเลย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โกรธลูกชายหรือไม่ นายน้อยบอกว่า ไม่โกรธ แต่น้อยใจที่ทำกับพ่อแบบนี้
...
ต่อมา นางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม และผู้สื่อข่าวได้ เดินทางไปทาวน์เฮาส์หลังหนึ่ง อยู่ภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 12 ซอย 10 ห่างจากจุดที่นายน้อย ตั้งเต็นท์พักอยู่ประมาณ 50 เมตร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากลูกชาย แต่เมื่อไปถึงพบเพียงนางแดง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) ซึ่งเป็นภรรยาของลูกชาย โดยนางแดง เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 3 เดือนก่อนสามีได้ไปรับ นายน้อย มาอยู่ด้วยจริง เนื่องจากต้องการจะดูแลพ่อ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้ว นายน้อยชอบสูบบุหรี่ จนลูกชายต้องคอยห้ามและขอให้เลิกสูบแต่นายน้อยเป็นคนดื้อรั้นไม่ยอมรับฟัง นอกนี้ยังแอบใช้ให้หลานชายอายุเพียง 11 ขวบ ไปซื้อบุหรี่ให้ จนตนจับได้ บอกสามี ว่าพ่อให้หลานไปซื้อบุหรี่ แต่นายน้อยยังบอกว่า ทำไมจะใช้ไม่ได้ จนสามีตนออกปากว่าถ้าอยู่กับคนในบ้านไม่ได้ จะไปไหนก็ไป นายน้อยจึงเกิดความน้อยใจ เก็บกระเป๋าออกจากบ้าน และไปตั้งเต็นท์พักอยู่กลางซอย อย่างที่เห็น
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อทางโทรศัพท์ พูดคุยกับนายเดี่ยว (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ลูกชายนายน้อย เล่าให้ฟังว่า พ่อได้ทิ้งตนและแม่ไปตั้งแต่ตนอายุ 1 ขวบ ไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งตนทราบว่า พ่อไปพักอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์ จึงได้ไปรับมาอยู่ด้วย เพื่อจะเลี้ยงดูเองในยามแก่ชรา แต่พอมาอยู่ด้วย พ่อก็สร้างปัญหาตลอด เมื่อภรรยาตน ทำกับข้าวให้กินก็โยนทิ้งบอกว่ารสชาติไม่ดี และอยากกินแต่ของแพงๆ ตนจึงบอกให้ช่วยกันประหยัด เพราะรายได้จากอาชีพขับรถแท็กซี่ของตนก็ไม่เพียงพอจะมาจุนเจือครอบครัวอยู่แล้ว แต่พ่อก็ยังชอบต่อว่า ลูกหลาน หลายเรื่อง ถ้าวันไหนตนไม่ให้เงินพ่อซื้อบุหรี่ พ่อก็จะออกไปขอเงินชาวบ้านจนทำให้ตนอับอาย เตือนหลายครั้งก็ไม่ฟัง จนสองอาทิตย์ที่แล้ว ระหว่างที่ตนขับ รถแท็กซี่หาเงินอยู่ ภรรยาได้ โทรไปบอกตนว่า พ่อให้หลานไปซื้อบุหรี่ให้ จนทำให้มีปากเสียงกัน ตนจึงได้บอกผ่านลูกชาย ไปว่า ว่าถ้าปู่ อยู่ด้วยกันที่บ้านไม่ได้ก็ให้ไปอยู่ที่อื่น จากนั้นพ่อจึงได้เก็บกระเป๋าออกจากบ้านไป
นายเดี่ยว เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้บอกผ่านญาติไปว่า หากพ่อจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็ให้กลับมาเอง ตนจะไม่ออกไปตาม แต่ถ้ากลับมาต้องเชื่อฟังตนไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเองอย่างเดียว แต่พ่อบอกว่า ไม่กลับมาจนกว่าตนจะไล่เมียออกจากบ้าน ซึ่งตนก็ไม่สามารถทำตามที่พ่อต้องการได้ เพราะตนอยู่กับครอบครัวมานานแล้ว ส่วนพ่อทิ้งตนไปตั้งแต่เด็ก และเพิ่งมาอยู่ด้วยกันได้ 3 เดือน มันเปรียบเทียบกับภรรยาและลูกของเราไม่ได้เพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จึงวอนอยากให้สังคมเข้าใจ และฟังตนด้วย
ทางด้านนางศิริพร นันทชลากรกิจ ผอ.กองสวัสดิการสังคม อบต.เทพารักษ์ กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา จึงได้ทำการสืบข้อมูล ทราบว่า นายน้อยได้ออกจากสถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพอำเภอธัญบุรี มาได้กว่า 3 เดือนแล้ว ตามระเบียบ เมื่อยินยอมออกมา จะไม่สามารถกลับไปอยู่ที่เดิมได้อีก ทางอบต.เทพารักษ์ จึงได้ทำหนังสือไปถึงศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหาทางช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ จากการสืบคนประวัติทราบว่านายน้อย ได้รับเบี้ยคนพิการจาก เขตคลองเตย ซึ่งหากนายน้อยมีชื่อพักอยู่ในพื้นที่ อบต.เทพารักษ์ โดยตรงจะสามารถช่วยได้เร็วกว่านี้ แต่ทางเราจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่.