(ภาพจาก เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 116 เกาะช้าง)
เจ้าหน้าที่อุทยานหมู่เกาะช้าง สนธิกำลังรื้อถอนบ้านไม้หรูสร้างรุกทะเลบ้านบางเบ้า หลังสู้คดีนาน 14 ปี และเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง ศาลสั่งออกพื้นที่และรื้อถอนแต่กลับเพิกเฉย เตรียมฟ้องเรียกเก็บค่าดำเนินการเพิ่ม
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 พ.ค. 60 นายนิตย์ชัย พันธุเดช หัวหน้าสายตรวจส่วนกลาง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. 60 นายวีระ ขุนไชยรักษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มอบหมายให้ นายชุมพร ขาวผ่อง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยาน สนธิกำลังเจ้าหน้าที่อุทยาน, ตชด.ที่ 116 ประจำเกาะช้าง, ทหาร ฉก.นย.ตราด ชุดเฝ้าตรวจพื้นที่ฝึกเกาะช้าง รวมกว่า 60 นาย เข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย บ้านไม้หรูขนาด 2 ชั้น 1 หลัง และซุ้มนั่งพักผ่อน 2 หลัง รวมพื้นที่ประมาณ 286 ตารางเมตร บริเวณสะพานชุมชนบ้านบางเบ้าหมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ โดยในปัจจุบันคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ผู้ครอบครองไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่จึงต้องบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทำลายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิม และจะนำส่วนที่รื้อถอนเก็บไว้ที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง
นายนิตย์ชัย กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อปี 2557 นายชาลี เม่นขำ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน สำนักงานอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ในขณะนั้นได้นำกำลังเข้าตรวจยึดจับกุม และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษข้อหาก่อสร้างบุกรุกเขตอุทยาน โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อตำรวจ สภ.เกาะช้าง และฟ้องต่อศาล โดยมี นายธีรธัช พูลเกษม เป็นผู้ครอบครอง ต่อมาศาลจังหวัดตราดได้มีคำพิพากษา ให้ผู้ครอบครองออกไปจากพื้นที่และรื้อถอนพร้อมปรับสภาพพื้นที่ให้กลับคงเดิม ซึ่งผู้ครอบครองได้ยื่นขออุทธรณ์ศาล แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ผู้ครอบครองก็ได้ยื่นร้องต่อศาลปกครอง สุดท้ายศาลปกครองระยอง มีคำพิพากษายืนตามศาลจังหวัดตราด ให้ผู้ครอบครองออกไปจากพื้นที่ ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่อุทยานได้ปฏิบัติครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมาย
...
สำหรับอาคารสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าจับกุมและส่งฟ้องศาลดำเนินคดีครั้งแรกเมื่อปี 2546 ในครั้งนั้นมี นายรัชวุฒิ แซ่ตั้ง เป็นผู้ครอบครอง โดยศาลจังหวัดตราด มีคำพิพากษาสั่งให้ นายรัชวุฒิ ออกจากพื้นที่ และรื้อถอน แต่ นายรัชวุฒิ ขายอาคารต่อให้แก่ นายธีรธัช ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้ครอบครองรายใหม่ได้ปรับปรุงต่อเติมอาคารเพิ่มเติมในช่วงปี 2557 จึงเข้าตรวจยึดจับกุมอีกครั้ง รวมระยะเวลาที่มีการต่อสู้คดีจนถึงปัจจุบัน 14 ปี ในส่วนของค่าดำเนินการรื้อถอนทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่อุทยานจะมีการฟ้องร้องเรียกเก็บจากเจ้าของผู้ครอบครองอาคาร-สิ่งปลูกสร้างในภายหลัง.