คดีหนุ่มบุกยิงสาวแบงก์กลางไร่กำนันดังไทรโยค ก่อนดวลปืนกับเจ้าของไร่บาดเจ็บสาหัส ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว พบเป็นผัวเมีย ส่วนกำนัน "คิว ท่าเสา" เข้ามอบตัวพร้อมทนาย สู้คดีฆ่าคนตายโดยเจตนา พบหลักฐานส่อเป็นการ "ร่วมฆ่า"...  

จากเหตุการณ์ นายเชาวลิต พฤกษากร อายุ 37 ปี บุกยิง นางสาวพรสวรรค์ ปัญวารินทร์ อายุ 32 ปี พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 909 หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นไร่ของ นายดุสิต ฝุกฝัด หรือ กำนันคิว อายุ 33 ปี กำนันตำบลท่าเสา โดยกำนันคิวบอกว่า สาว ธ.ก.ส.มาพบเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องของการติดต่อขอสินเชื่อจากทางธนาคาร เพื่อมาขยายธุรกิจเลี้ยงวัว หลังก่อเหตุแล้ว นายเชาวลิตได้ใช้อาวุธปืนไล่ยิงนายดุสิต กระทั่งมีการยิงต่อสู้กัน และนายเชาวลิตถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จนเวลา 23.30 น.ที่ผ่านมา นายเชาวลิตได้เสียชีวิตลงที่ รพ. (หนุ่มบุกยิงสาวแบงก์ดับคาคอกวัวไทรโยค ดวลปืนกำนัน โดนลูกซองสวนสาหัส)

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค พร้อม พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ อินทรกรอุดม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส. พ.ต.ท.วิษณุ ภู่ทอง สวป.ฯ ร.ต.อ.กสานต์ พารา รองสาวัตร (สอบสวน) พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและตำรวจวิทยาการ และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ตชด.ที่ 13 ร่วมเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาหัวกระสุนและปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ รวมถึงวิถีกระสุนในการยิงต่อสู้ เพื่อประกอบสำนวนคดี

ขณะเดียวกัน ทราบข้อมูลจากญาติของนายเชาวลิตว่า นายเชาวลิตและนางสาวพรสวรรค์นั้น เป็นสามีภรรยากัน ในส่วนของนายดุสิต ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเป็นผู้ยิงนายเชาวลิตเสียชีวิตนั้น เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

...

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. นายดุสิต หรือ กำนันคิว ฝุกฝัด พร้อม นายอรรณพ รอดภัย ทนายความ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมกันฆ่านายเชาวลิต ต่อ พ.ต.อ.บัณฑิต และ พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ อินทกรอุดม สารวัตร (สอบสวน) ที่ สภ.ไทรโยค โดย พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ ได้สอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงปล่อยตัวกลับไป และนัดหมายในวันจันทร์ที่ 8 พ.ค.นี้ จะนำตัวส่งผัดฟ้องฝากขังต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี

ทั้งนี้ นายดุสิต กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า รู้สึกเสียใจ ไม่น่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นเลย และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย วันนี้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมฆ่าผู้อื่น และให้การกับพนักงานสอบสวน ตนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางตำรวจในทุกกรณี แต่ในส่วนของการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ขอไม่ออกความเห็น เพราะอาจจะกระทบต่อรูปคดี

ส่วนการที่มีรูกระสุนที่รถกระบะของนายเชาวลิตนั้น นายดุสิต กล่าวว่า หลังจากที่ตนถูกไล่ยิงและวิ่งไปเอาปืนในบ้านมายิงต่อสู้แล้ว ตนได้วิ่งหลบขึ้นไปบนเขาหลังบ้าน หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร หากทางตำรวจต้องการให้ช่วยติดตามใครเพิ่มเติมก็พร้อมให้ความร่วมมือ

หลังจากนั้นเวลา 14.30 น. ญาติของนายเชาวลิต พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.กสานต์ และ พ.ต.อ.บัณฑิต เพื่อแสดงตนว่าเป็นเจ้าของปืนที่ขายให้นายเชาวลิต แต่ยังไม่ได้โอน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการนำปืนมาใช้ก่อเหตุในครั้งนี้

ด้าน พ.ต.อ.บัณฑิต เปิดเผยผลการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุว่า เนื่องจากคดีนี้ถือว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ประชาชนสนใจ ดังนั้น พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผบช.ภ.7 ได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้มากจึง สั่งการให้ตำรวจวิทยาการ ภจ.กาญจนบุรี ร่วมกับ ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 7 นครปฐม และหน่วยเก็บกู้ระเบิดจาก กก.ตชด.13 มาช่วยเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยสามารถเก็บปลอกกระสุนและหัวกระสุนตามจุดต่างๆ ได้อีกจำนวนมาก รวมทั้งมีการเก็บหลักฐานและแนววิถีกระสุนจากรถของผู้ก่อเหตุและรถของผู้หญิง กับรอยนิ้วมือแฝงตามจุดต่างๆ นำส่งไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยได้เร่งรัดตรวจสอบเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี

"หลังเกิดเหตุได้สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุไปแล้ว 2 ปาก วันนี้สอบปากคำนายดุสิต และญาติของนายเชาวลิตที่เสียชีวิตได้เดินทางมาติดต่อเรื่องปืนที่นายเชาวลิตใช้ก่อเหตุ ส่วนการดำเนินคดีแบ่งเป็น 3 คดี คดีแรกคือ คดีที่นายเชาวลิตยิงนางสาวพรสวรรค์เสียชีวิต 2.คดีที่นายเชาวลิตไล่ยิงนายดุสิต แจ้งข้อหาพยายามฆ่า และคดีสุดท้ายคือ คดีที่นายดุสิตและพวกได้ร่วมกันยิงนายเชาวลิตจนเสียชีวิต โดยตอนนี้ได้เร่งสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องและรอผลการตรวจพยานวัตถุที่ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเร่งรัดให้ ซึ่งการสอบสวนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องให้เร็วที่สุด.