ตำรวจเมืองพัทยา ชี้ปัญหาการให้บริการของอูเบอร์ผิดกฎหมาย ขณะที่การปิดล้อมคู่กรณีก็เข้าข่ายความผิดอาญา วอนแท็กซี่แจ้งเบาะแสแทนการลงมือกระทำ แนะปชช.ใช้บริการแท็กซี่ที่ถูกกฎหมาย ด้านแท็กซี่เผยรถอูเบอร์ทำเสียหายต่ออาชีพ...

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวที่มีกลุ่มผู้ประกอบการรถสหกรณ์แท็กซี่ บ.โลมาพัทยา จำกัด กว่า 20 คันขับรถไล่ล่าหญิงไทย ซึ่งขับรถยนต์ส่วนบุคคลในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ด้วยเข้าใจว่าเป็นผู้ประกอบ การในสังกัด “อูเบอร์” หลังรับผู้โดยสารชาวต่างชาติจากบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มารีน่า แต่สุดท้ายพบว่าเป็นเพียงการเข้าใจผิดเพราะแท้จริงแล้ว หญิงคนดังกล่าวเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่รับนักท่องเที่ยวชาวจีนไปดูสถานที่ห้องชุดในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กระทั่งสุดท้ายมีการเจรจายอมความตามที่ปรากฏในโลกสังคมออนไลน์ไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 พ.ค.2560 พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่าเรื่องนี้ถือเป็นความเข้าใจผิดและมีการเจรจาทำความเข้าใจกันไปแล้ว อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวของกลุ่มผู้ประ กอบการแท็กซี่ถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และหากผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีก็จะถือว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญา กรณี กักขังหน่วงเหนี่ยวอิสรภาพได้ จึงอยากวอนให้ผู้ประกอบการตั้งสติและหากพบเห็นการกระทำดังกล่าวก็ให้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย แทนที่จะลงมือกระทำเอง โดยความผิดนี้มีอัตราเปรียบเทียบปรับสูงสุด 2,000 บาท จึงอยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย อย่างไรก็ตามในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 5 พ.ค.นี้จะมีการเรียกประชุมร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการเพื่อหารือและหาแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนต่อไป

...

ขณะที่ นายอรรถการ ธีระวิทย์ อายุ 58 ปี ผู้ประกอบการรถสหกรณ์แท็กซี่โลมาพัทยา กล่าวว่าสำหรับปัญหาเรื่องนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อการทำกินของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มรถอูเบอร์ เหล่านี้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนแต่อย่างใด ขณะที่ผู้ประกอบการรายหนึ่งต้องแบกรับค่าใช้ จ่ายถึงกว่า 900,000 แสนบาทต่อคน ทั้งการผ่อนดาวน์รถ ค่าเช่ารายวัน รายเดือน และภาษี ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากกว่า 600 คัน ก็ต้องแข่งขันกันอยู่แล้ว แต่พอมีกลุ่มคนกลุ่มนี้ซึ่งรู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวมาให้บริการแข่งขันด้วย ก็ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ที่สำคัญหลังผู้ขับขี่รถอูเบอร์ถูกจับกุม ก็สามารถนำใบเสร็จการเปรียบเทียบปรับส่งไปเคลมกับทางต้นสังกัด ก็จะได้รับเงินคืน 2 เท่าจากเงินที่สูญเสียไป ทำให้กลุ่มผู้ขับขี่รถอูเบอร์ไม่ได้เกรงกลัวการดำเนินคดีตามกฎหมายมากนัก

ด้าน พล.ต.ต.พินิจ มณีรัตน์ โฆษกเมืองพัทยา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องระหว่างกลุ่มบุคคล สำหรับเมืองพัทยาแล้วที่ผ่านมาก็ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหาร ในการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง แต่จากนี้คงจะมีการเน้นด้านประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับสังคมในการเลือกใช้บริการรถโดยสารที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย.