พ่อเด็กแฝดเปิดใจครั้งแรก หลั่งน้ำตาวอนหยุดวิจารณ์ครอบครัว หวั่นกระทบจิตใจลูก และกระทบความเป็นอยู่ของครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่ยายเด็กแฝดไม่มาร่วมพูดคุยทั้งที่มีภาครัฐเป็นตัวกลาง อ้างญาติท้องเสีย ขณะที่เด็กแฝดปรับตัวเข้ากับญาติพ่อได้เป็นอย่างดี
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 60 นายสมยศ วิชากร นายอำเภอไทรน้อย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดวงพูดคุยระหว่างครอบครัวเด็กแฝด ทั้งพ่อและยายของเด็ก แต่ผลปรากฏว่า ฝ่ายยายของเด็กแฝดได้เดินทางกลับศรีสะเกษ โดยอ้างว่าญาติผู้ใหญ่ท้องเสีย วงพูดคุยจึงมีเพียงพ่อเด็กแฝด ทนายความ และญาติ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่)
พ่อของเด็กแฝด กล่าวว่า วันนี้ที่ออกมาพบก็เพราะอยากให้เรื่องทุกอย่างจบลง และไม่ขอพูดเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา ตนพร้อมที่จะอยู่กับลูกสาวทั้ง 2 โดยตนวางแผนการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าของเด็กทั้งสองไว้นานแล้ว ทั้งเรื่องการศึกษา ความเป็นอยู่ คนรอบข้าง การดูแลอนาคตของเด็กทั้งสอง เพราะตนพร้อมแล้ว ส่วนเรื่องคลิปนั้นตนไม่อยากพูดถึงและขอให้มันจบลง ส่วนที่หลบไปก็เพราะกระแสในโลกโซเชียลดังมาก และมีกระทบชีวิตประจำวันของตน และคนรอบข้าง
ส่วนลูกสาวทั้ง 2 คนนั้นไม่มีปัญหา ตอนนี้มีญาติช่วยดูแลกันอยู่ ส่วนเรื่องภรรยาใหม่ของตน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน เพราะเขารักเด็ก และเด็กทั้งสองก็ติดเขาด้วย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าตนจะดูแลเด็กทั้งสองด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด และขณะนี้ลูกและตนก็ปรับจูนกันได้แล้วเช่นกัน
“เรื่องที่ผ่านมา ขอให้จบไป ไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมาเพราะทางโน้นก็เป็นยายของเด็ก เป็นป้าของเด็ก ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน ไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมางกัน โดยตนขอเวลาสักพักให้ทุกอย่างลงตัว แล้วจะพาหลานทั้งสองไปหา ขอให้สื่อมวลชน และผู้ที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย หยุดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้มีผลกระทบกับครอบครัว และครอบครับของยายเด็กเป็นอย่างมาก” พ่อเด็กแฝดพูดพร้อมทั้งน้ำตา
...
นางอมรศรี รัศมิทัต หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่าเบื้องต้น ได้ประสานงานกับพ่อเด็กแฝดแล้วว่าจะมีการวางแผนอย่างไรในอนาคตของเด็กทั้งสอง และเข้าติดตามความเป็นอยู่ของเด็กทั้งสองว่าเป็นอย่างไร และมีขั้นตอนในการทำงานหลายๆ อย่าง ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผย แต่รับรองว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของเด็กทั้งสอง โดยมีหลายหน่วยงานเข้าร่วมดูแลในครั้งนี้
นางสาวปัณฑ์ณัฐ สิมธิศักดิ์ อายุ 36 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.10 กล่าวว่า ตนได้ติดต่อประสานงานให้กับยายและป้าของเด็ก ตั้งแต่วันแรกที่มาโดยตลอด จะให้ทั้งสองฝ่ายมาทำการพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจ ต่อมาวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ญาติของยายเด็กได้โทรมาบอกว่า จะไม่มาพบในวันนี้
โดยอ้างว่ามีญาติผู้ใหญ่ที่ จ.ศรีษะเกษ ป่วยท้องเสียต้องกลับไปดูแล ตนจึงตอบกลับไปว่าเมื่อนัดกันแล้วทำไมไม่มา ทางโน้นก็วางสายไป ต่อมา ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ตนได้โทรไปยังญาติที่มาด้วยกัน แต่ก็บอกว่าฝนตกและขับรถอยู่ บอกว่าไม่มาแล้ว และไม่สะดวกคุย ก่อนที่จะตัดสายไป.