ปิดตำนาน ‘วัดเสือ’ อช.จ่อดำเนินคดี-ถอนใบอนุญาตตั้งสวนสัตว์ฯ
4 มิ.ย. 2559 20:16 น.
ปิดตำนาน "ไทเกอร์ เทมเปิล ไทยแลนด์"จนท.ปิดประตูเกาะเสือวัดป่าหลวงตาบัวฯ หลังนำสายฟ้า 2 เสือโคร่งเพศผู้ออกมาเป็นตัวสุดท้าย ที่เหลือคือดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ชี้น่าจะมี กก.มูลนิธิฯด้วย เท่ากับว่า ต้องเพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์...
วันที่ 4 มิ.ย. ภายหลังเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำโดยนายอดิศร นุชดำนงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ นำหมายศาลเข้าดำเนินการขนย้ายเสือโคร่งของกลาง 137 ตัว ที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำการขนย้ายไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จนเสร็จสิ้น โดยเสือตัวสุดท้ายของภารกิจ ตัวที่ 137 ตัว คือ สายฟ้า 2 เสือโคร่งเพศผู้ หนักเกือบ 300 กก. ขณะที่อีกด้านได้กำลังชุดปฏิบัติการสายตรวจสัตว์ป่า สบอ.3 เข้าทำการตรวจยึดซากสัตว์ 6 ชิ้นที่ศาลาการเปรียญวัด ประกอบด้วย โครงกระดูกเสือ 2 โครง ซากสัตว์สตัฟฟ์ 3 ตัว ซากหมีควาย 1ตัว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูเข้า-ออกเกาะเสือ เปรียบเสมือนตำนานพระเลี้ยงเสือได้จบสิ้นลง โดยนางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯกล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ต่อไปก็จะเป็นเรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ไว้แล้ว ทราบว่าได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลงมาติดตามควบคุมคดีในเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องใบอนุญาตตั้งสวนสัตว์ของทางวัดนั้น ที่ผ่านมาขอในนามมูลนิธิหลวงตามหาบัว เป็นคนละส่วนกับเรื่องการกระทำผิดกฎหมายครั้งนี้ แต่เมื่อมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในเรื่องซากสัตว์ป่าและสัตว์ป่าอีกหลายชนิด หากพบว่ามีรายชื่อตรงกับผู้ได้รับอนุญาตจัดตั้งขอเปิดสวนสัตว์สาธารณะ ก็คงต้องเพิกถอนใบอนุญาต เท่าที่ดูแล้ว เชื่อว่าคงต้องเพิกถอน เพราะมีรายชื่อผู้อยู่ในข่ายกระทำความผิดในวัดเสือ ตรงกับรายชื่อผู้ขอจัดตั้ง ส่วนเสือทั้งหมดทางกรมอุทยานฯจะดูแลให้ดีที่สุด

ขณะเดียวกันที่บริเวณศาลาพักรับรองแขก ซึ่งใช้เป็นห้องขายตั๋วเข้าออกส่วนจัดแสดงเสือของวัด ที่เคยคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว วันนี้ด้านหน้าปากทางเข้าวัด ได้มีคนงานของวัดเสือที่ถูกบอกเลิกจ้างงานประมาณ 70-80 คน รวมตัวยื่นหนังสือคำร้องขอรับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ 5 หน่วยงานที่มารอรับเรื่อง ประกอบด้วย สำนักงานจัดหางานจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานประกันสังคมจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดกาญจนบุรี ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงานแรงงานจังหวัดกาญจนบุรี โดยคนงานลูกจ้างต่างพอใจการเข้ามาแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าในครั้งนี้
ต่อมา เวลา 13.45 น. นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายยรรยง เลขาวิจิตร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ปลัดอำเภอไทรโยค ทหาร ชป.ร. 29 นายสายันต์ แสงเคลือบ นายกอบต.สิงห์ นายสุภาพ กอฟัก กำนัน ต.สิงห์ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ที่ดิน ส.ป.ก. เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ของวัดเสือ จำนวน 1,456 ไร่ ตามแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร โดยกระจายกำลังกันใช้เครื่องมือจีพีเอส ตรวจสอบพื้นที่เพื่อนำไปแปรข้อมูลตรวจสอบการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก.ตามที่ได้รับอนุญาตว่าถูกต้องหรือไม่ เบื้องต้นพบว่า มีการใช้ประโยชน์นอกแปลงส.ป.ก.ที่ได้รับอนุญาต ดังนั้น ทางส.ป.ก.จะทำหนังสือสอบถามถึงสำนักพุทธฯ เกี่ยวกับการกระทำผิดและการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์การเช่าว่า สำนักพุทธฯจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดี ซึ่งกรมอุทยานฯได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดนี้ทั้งหมด ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามาตรา 19 , 20 , 47 , 55 และ 59 ขณะนี้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 5 ราย เป็นพระสงฆ์ 3 รูป ฆราวาส 2 คน ส่วนสัตว์ป่าอื่นๆ ที่เหลือในวัด เช่น กวางป่า ละมั่ง ตามบัญชีของกลาง จะต้องตรวจสอบให้ทราบในรายละเอียดก่อนว่า มีจำนวนเท่าใดแน่ เพราะพื้นที่ในวัดกว้างมากรวมทั้งที่เป็นภูเขา สัตว์ป่ากระจายอยู่ไปทั่ว ทำให้ลำบากในการตรวจสอบ จึงต้องใช้เวลา หลังทราบรายละเอียดแน่ชัดจะดำเนินการขอหมายศาล เข้าขนย้ายสัตว์ป่าของกลางทุกชนิดออกจากวัดจนหมด
"สัตว์อื่นๆ ที่อยู่ในวัดและไม่มีอาหารเลี้ยงดูนั้น ขณะนี้มีมูลนิธิสืบนาคะเสถียร นำฟางอัดแห้งมามอบให้ 200 ฟ่อน รวมทั้งมูลนิธิกัญจนา ศิลปอาชา อดีต ส.ส.สุพรรณบุรีก็มีการสนับสนุนมาด้วยเช่นกัน ซึ่งภารกิจการขนย้ายเสือของกลางถือว่าเสร็จสิ้น จึงขอส่งมอบพื้นที่ คืนให้วัดต่อไป" นายอดิศร กล่าวในที่สุด.