ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยากัดเซาะใต้ถนนสามโคก-เชียงรากน้อย จนทรุด 4 เมตร น้ำทะลักท่วมโรงเรียนวัดเมตารางค์ สั่งปิดเรียน 2 วัน พร้อมเร่งแก้ไข
วันนี้ 6 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนเส้นทางสามโคก-เชียงรากน้อย ใกล้โรงเรียนวัดเมตารางค์ หมู่ 3 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเซาะใต้ถนนจนดินทรุดกว้าง 4 เมตร กลางดึกที่ผ่านมา ทำให้น้ำไหลทะลักลอดใต้ถนนเข้าโรงเรียนวัดเมตารางค์ ท่วมภายในห้องเรียนของเด็กและห้องเก็บเอกสารผลงานของคุณครูได้รับความเสียหาย โดยระดับน้ำสูงร่วม 30 ซม.
นายศรัณย์ เกตุทอง นายอำเภอสามโคก พร้อมนายไพจิตร โพธิจันทร์ ผอ.แขวงทางหลวงปทุมธานี นำเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง เร่งดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขใต้พื้นถนน เบื้องต้นประสานกองช่างฉีดปูนเพื่อรองรับน้ำหนักพื้นถนนก่อน และสั่งปิดเส้นทางบริเวณดังกล่าวเพื่อไม่ให้รถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งสัญจรผ่านไปมา
นายวินัย ผะอบสวรรค์ กำนันตำบลเชียงรากน้อย กล่าวว่า จากดินใต้พื้นถนนทรุดตัวและน้ำได้ทะลักเข้าท่วมโรงเรียนวัดเมตารางค์ ทำให้ต้องทุบกำแพงโรงเรียนเพื่อเร่งระบายน้ำออกกลางทุ่งด้านหลังของโรงเรียน เพื่อลดระดับน้ำภายในโรงเรียน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาชาวบ้านและครูต่างพากันช่วยเก็บข้าวของนักเรียนได้เพียงบางส่วน แต่ก็มีอุปกรณ์การเรียนการสอนและเอกสารผลงานการประกวดของครูและนักเรียนได้รับความเสียหายถูกน้ำท่วมเช่นกัน
...
ด้าน นายศรัณย์ เกตุทอง นายอำเภอสามโคก กล่าวว่า มีน้ำท่วมไหลทะลักลอดใต้ถนนจากฝั่งที่อยู่นอกคันกั้นน้ำติดแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลทะลักลอดมายังฝั่งด้านในคันกั้นน้ำซึ่งมีทั้งโรงเรียนวัดเมตารางค์และบ้านเรือนประชาชนร่วม 20 หลัง โดยน้ำได้ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านเก็บข้าวของเครื่องใช้ไม่ทัน ทำให้ได้รับความเสียหายหลายหลัง รวมทั้งน้ำได้เอ่อไหลท่วมเข้าชั้นล่างของอาคารเรียน ซึ่งได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายของพื้นถนนและความเสียหายภายในโรงเรียน เบื้องต้นได้เร่งหากำลังพลเพื่อเข้าช่วยเหลือเก็บทำความสะอาดโรงเรียนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้นักเรียนสามารถเปิดทำการเรียนได้ แต่ขณะนี้ทางโรงเรียนได้สั่งปิด 2 วันเพื่อทำความสะอาดพื้นอาคารเรียน
นายไพจิตร โพธิจันทร์ ผอ.แขวงทางหลวงปทุมธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานและเข้าตรวจสอบพื้นที่ความเสียหาย เบื้องต้นต้องดำเนินการปิดถนนเพื่อไม่ให้น้ำหนักของรถยนต์ทำให้ถนนทรุดไปมากกว่านี้ และจะได้เร่งซ่อมแซมใต้พื้นถนนด้วยการฉีดอัดปูนเพื่อรองรับน้ำหนักช่วงบริเวณดังกล่าว เป็นการบรรเทาปัญหาเบื้องต้น และหากระดับน้ำลดลงแล้ว จึงจะสามารถดำเนินการซ่อมแซมถนนให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติอีกครั้ง