ทีมข่าว SEE TRUE ติดตามทหาร ฉก.กรมทหารราบที่ 2 อรัญประเทศ จับ 8 คนไทย ลอบข้ามแดนจากกัมพูชา พบหนึ่งในนั้น อ้างถูกหลอกไปขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรู้เห็นเหตุการณ์ในคลิปช็อตไฟฟ้า ทำร้ายร่างกายคนไทยเมื่อ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา
ทีมข่าว SEE TRUE ไทยรัฐทีวี ติดตามการปฏิบัติการของทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 2 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ขับรถลาดตระเวนสังเกตการณ์ตามถนนชายแดนไทย-กัมพูชา ในตำบลผ่านศึก อำเภออรัญประเทศ ช่วงค่ำวันที่ 9 ต.ค. 68 ที่ผ่านมา หลังจากที่พื้นที่แห่งนี้ มีขบวนการผู้มีอิทธิพลเป็นกลุ่มผู้นำท้องถิ่น นำพาทั้งคนไทย คนกัมพูชา และคนจีน ลักลอบข้ามแดนไปมาระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยไม่สนใจว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 2 เฝ้าสกัดจับ และจับได้หลายครั้ง
...
ทหารที่พาทีม SEE TRUE ไปซุ่มสังเกตุการณ์ คือ ร้อยเอกเตชสิทธิ์ ฤทธิ์จรูญ ผู้บังคับกองร้อยทหารราบยานเกราะที่ 2 และจ่าสิบเอกสุรวุฒิ พรมราช นายสิบสื่อสารกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ซึ่งมีผลงานในการจับขบวนการนี้ได้นับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากซุ่มอยู่ใกล้หมู่บ้านโนนสาวเอ้ ตำบลผ่านศึก จนถึงเวลาประมาณตี 5 ได้ยินเสียงรถยนต์ ขับอยู่ใกล้แนวชายแดน ผู้กองเตชสิทธิ์ จึงรีบขับรถฝ่าความมืด ไปดักใกล้แนวพรมแดน ที่ได้ยินเสียงรถ และสั่งการให้ทหารที่ซุ่มวางกำลังตามจุดต่างๆ ดักเส้นทางไว้ เพราะจากการวิทยุถามกัน พบรถยนต์เป้าหมายที่เป็นสมาชิกขบวนการเข้าไปในพื้นที่
จังหวะนั้น ผู้กองเตชสิทธิ์ จอดรถ ดักริมถนนศรีเพ็ญ ส่วนผู้สื่อข่าวทีม SEE TRUE นั้น จ่าสิบเอกสุรวุฒิ พาเดินฝ่าไร่อ้อย ไปที่บริเวณรอยต่อพรมแดน ซึ่งมีคลองน้ำใสกั้นพรมแดน และพบรอยเท้าคน เพิ่งข้ามมาจากฝั่งกัมพูชาใหม่ๆ น้ำในคลองยังคงเป็นฟองอากาศอยู่ พอข้ามมาได้ ก็เดินเข้าไปในไร่อ้อย จ่าสิบเอกสุรวุฒิ จึงพาเดินตามเข้าไป พอเดินฝ่าไร่อ้อยไปได้ประมาณ 50 เมตร ทะลุไปเจอกับคลองน้ำใส ที่ตีโค้งรอบไร่อ้อย และตรงนี้ที่พบคนกำลังแอบข้ามคลองน้ำใส จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย
จ่าสิบเอกสุรวุฒิ จึงตะโกนให้ทุกคนออกมา ซึ่งตอนนั้นมีคนที่ข้ามมาแล้ว 6 คน บอกว่าตัวเองเป็นคนไทย แต่ยังมีผู้ชายกับผู้หญิงอีก 2 คน ที่ยังไม่ข้ามมา ซึ่งสุดท้ายเพื่อนที่ข้ามมาแล้วก็ช่วยพาข้ามเข้ามาได้ ส่วนคนนำพาชาวกัมพูชาอีก 3 คน ซึ่งยืนอยู่ในฝั่งกัมพูชา มองซ้ายมองขวาแล้วก็เดินออกไป
หลังจากทุกคนข้ามน้ำเข้ามาในฝั่งไทยได้ นับได้ 8 คน เป็นผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 4 คน อายุระหว่าง 19 - 34 ปี เป็นคนจังหวัดสระแก้ว 4 คน ขอนแก่น 1 คน ระนอง 1 คน เพชรบูรณ์ 1 คน และศรีสะเกษ 1 คน โดยมีผู้ชายอายุ 28 ปี ชื่อมิน ชาวจังหวัดระนอง อ้างว่าถูกหลอกไปขายต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แล้วหาทางหนีออกมา และจะข้ามกลับไทยตามช่องทางธรรมชาติ ด้วยการมีคนรู้จักกันจ่ายเงินให้ขบวนการนำพาก่อน 8,000 บาท
ส่วนคนอื่นๆ อีก 7 คน จากการสอบถามเบื้องต้น อ้างว่าสมัครใจเข้าไปทำเว็บพนันออนไลน์ ได้เงินเดือน 20,000-25,000 บาท โดยส่วนใหญ่บอกว่าเข้าไปกัมพูชาเมื่อประมาณ 4-5 เดือนก่อน ตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งตอนนั้นทางเว็บพนันจ่ายค่านำพาให้ก่อนคนละ 9,000 บาท ส่วนการเดินทางกลับ ก็จ่ายค่านำพาให้กับชาวกัมพูชาคนละ 9,000 บาท แต่ก็มาถูกทหารจับกุมเสียก่อน
...
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร ได้พาทั้ง 8 คน เข้าไปซักถามต่อที่ฐานปฏิบัติการของ ฉก.กรมทหารราบที่ 2 โดยนายมิน อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดระนอง ที่อ้างว่าตัวเองถูกหลอกไปขายต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยคนที่หลอกไปขาย คือผู้ชายที่ปรากฏภาพในคลิป เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ช็อตไฟฟ้าและทำร้ายร่างกาย แต่ที่จริงแล้ว ชายคนดังกล่าวชื่อ นายพี อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดระยอง
นายมิน อ้างว่า นายพีเป็นคนไทยในปอยเปต ที่จัดหาทั้งบัญชีม้า และหลอกคนไทยไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน โดยจะขายให้กับบอสคนจีนรายหนึ่ง ซึ่งตนไม่รู้จักชื่อ แต่ว่านายพี กลับหลอกคนไทยไปขายให้บอสคนจีนรายอื่น ที่ไม่ใช่บอสคนจีนรายเดิมจำนวนหลายคน และยังอมเงินของคนที่ไปเปิดบัญชีม้า ทำให้บรรดาบัญชีม้าไม่พอใจ จึงฟ้องกับหัวหน้าที่เป็นคนไทย เมื่อตรวจสอบแชตในโทรศัพท์ พบว่า นายพี มีพฤติกรรมอย่างนั้นจริง จึงถูกหัวหน้าคนไทย และบรรดาบัญชีม้าคนไทยที่ไม่พอใจรุมซ้อม 2 ครั้ง ประมาณวันที่ 10 และวันที่ 15 สิงหาคม ส่วนตัวเองถูกนายพี หลอกไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต จากนั้นถูกขายต่อไปยังพนมเปญ และขายต่อไปยังเมืองบาเวต ติดชายแดนเวียดนาม แต่หนีออกมาได้