เขื่อนเจ้าพระยา ตรึงการระบายน้ำอยู่ที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที พร้อมเร่งพร่องน้ำ รับพายุ "รากาซา" ชาวบ้านเร่งสร้างเพิงพักชั่วคราวบนถนน หากน้ำมาจะได้อพยพทันที
วันที่ 22 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนเจ้าพระยายังคงตรึงการระบายน้ำอยู่ที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 5 เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ทางด้านเหนือและท้ายเขื่อนเจ้าพระยา รวม 11 จังหวัด รวมไปถึงเร่งพร่องน้ำรองรับฝนตกหนักถึงหนักมาก ระหว่างวันที่ 22–27 กันยายน จากอิทธิพลร่องมรสุมและพายุไต้ฝุ่นรากาซา ประเทศไทยจึงมีฝนเพิ่มขึ้นทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สภาพน้ำท่า ล่าสุด ที่สถานี C.2 จ.นครสวรรค์ วัดปริมาณน้ำไหลผ่านได้ 2,312 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่สถานี C.13 ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ยังคงตรึงการระบายน้ำ 2,200 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.23 ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง 1.11 เมตร ส่วนระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.60 ม.รทก.
จากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาปัจจุบัน ระดับน้ำเหนือเขื่อนลดลง ทำให้คงเหลือพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาท่วมขัง ในอำเภอสรรพยา 5 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนผู้ประสบภัย 175 ครัวเรือน รวม 462 คน
...
หลังจากที่มวลน้ำในแม่น้ำยังคงมีปริมาณสูง และมวลน้ำดังกล่าวอาจจะทะลักแนวกระสอบทรายที่ใช้ป้องกันเข้าท่วมชุมชนได้อยู่ตลอดเวลา เพราะมีฝนตกลงมาซ้ำคันดินอาจยวบหรือพังได้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก็ขอให้ยกสิ่งของมีค่าต่างๆ ขึ้นสู่ที่สูง ในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
ขณะที่ ชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท บางรายได้เร่งออกมาสร้างเพิงพักชั่วคราวริมถนนสายคันคลองมหาราช หรือที่ใครหลายคนรู้จักในชื่อ ถนนชีวิต เพราะหากน้ำท่วมจะมีเพิง เต็นท์ มาตั้งเรียงรายเต็มถนนทอดยาวหลายกิโลเมตร
นายทองเจือ ทองปราง ชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.โพนางดำออก เปิดเผยว่า ตอนนี้น้ำในแม่น้ำเริ่มจ่อแนวกระสอบทรายแล้ว โดยบางจุดเริ่มมีน้ำล้นแนวกระสอบทราย พายุก็จะเข้ามาซ้ำอีก ฝนตกหนัก หากเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำถึง 2,500 ลบ.ม./วินาที ก็จะทำให้น้ำนั้นเอ่อเข้าท่วมชุมชน จึงปรึกษากับคนในครอบครัวและไม่รอช้า เตรียมความพร้อมยกของขึ้นสู่ที่สูงไว้แล้ว พร้อมออกมาสร้างที่พักชั่วคราวเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหากเกิดน้ำท่วม หากน้ำมาจะได้อพยพออกมาทันที